Wednesday, June 21, 2006

..คริสต์มาสที่ถูกลืม..


เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ..

มีเหตุการณ์ประหลาดอย่างหนึ่งที่น่าจดจำกันไว้ แต่น่าแปลกที่มันกลับไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าจดจำกันเท่านั้น หากแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักว่า มันเคยเกิดขึ้นบนโลกนี้มาก่อน

ในปี 1915 เป็นปีใหม่และคริสต์มาสที่น่าเศร้า ก่อนหน้านั้นมหาสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้น และพรากชีวิตผู้คนไปนับล้านคน โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง

สิงหาคม 1914
5 เดือนก่อนวันคริสต์มาสจะมาถึง ทหารเยอรมัน และทหารอังกฤษโรมรันกันที่ประเทศเบลเยี่ยม ไม่มีใครคิดว่าเอาชนะใครได้ สายฝนที่โปรยปรายลงมาเป็นระยะๆนั้น ทำให้หลุมเพละในสมรภูมิในสมรภูมิเล็กๆ แห่งนั้นกลายเป็นคูน้ำ ที่ตายก็ตายไป ที่เหลืออยู่ก็สู้กันไป ซากศพของ 2 ฝ่ายเกลื่อนปฐพี ไม่มีโอกาสได้กลบฝัง

4 เดือนผ่านไป หิมะเริ่มโปรยปรายลงมา
ท่ามกลางงความเงียบเชียบของคืนวันคริสตมาสอีฟ ความมหัศจรรย์บางอย่างก็เผยตัวออกมา..

ท่ามกลางความสงัด ไม่มีเสียงอื่นใดเว้นแต่เสียงหิมะ โรยตัวลงมานั่นเอง จู่ๆ ทหารอังกฤษก็ได้ยินเสียงเพลงคริสต์มาสลอยตามลมมา เสียงนั้นกังวานและมีมนต์อันประหลาด “มันกังวานไปทั่ว ตรึงทุกคนและหลอมละลายความรู้สึกที่ถูกกักขังไว้ด้วยความมืดมนอนธนาการนั้นออกมาจนหมดสิ้น เมื่อใครสักคนเริ่มขึ้น ทหารอังกฤษหลายคนก็พากันเปล่งเสียง เพลงคริสต์มาสในภาษาอังกฤษขึ้นมาบ้าง สองฝ่ายร้องสลับกันไปกันมา ราวจะแข่งกัน ไม่นานก็มีแสงไฟวับๆแวมๆ เคลื่อนเข้าหากัน..” ( สารคดีประวัติศาสตร์-ยูบีซี )

แสงไฟนั้น มาพร้อมกับต้นคริสตมาส ซึ่งต่อมาต้นคริสต์มาสต้นนั้น ได้ไปปักเด่นอยู่กลางสมรภูมิ

การสู้รบยุติลงชั่วคราว ไม่เพียงทั้งสองฝ่ายออกมาเก็บศพเพื่อนๆ ไปกลบฝัง แต่คนที่รอดชีวิตกลับมาเล่าด้วยว่า พวกเขาเอาเสบียงกรังที่มีอยู่มาแลกเปลี่ยนกันด้วย ทหารเยอรมันเอาซิการ์และเบียร์อันลือชื่อของตัวเองออกมาแลกกับเนื้อวัวของทหารอังกฤษ

ว่ากันว่าบรรยากาศแห่งความสุขได้ปกคลุมไปทั่ว แม้แต่หิมะก็ไม่อาจทนทานมิตรภาพที่ระอุอุ่น พวกเขาได้เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามฟุตบอล คนที่เคยเกลียดชังกันเพียรพยายามที่จะทำลายชีวิตของอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้ ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้าหรือโกรธเคืองกันมานานหลายเดือนนั่นเอง ได้เปลี่ยนสนามรบให้กลายเป็นสนามฟุตบอล

ทหารอังกฤษไว้ลายความเป็นเจ้าตำรับกีฬาลูกหนัง คว้าชัยชนะไป 3 ประตูต่อ 2 ท่ามกลางความชื่นมื่นนั้น ใช่ว่าจะไม่มีความระแวดระวัง เหล่าผู้บังคับบัญชาของทั้งสอง ฝ่าย ก็วิตกลึกๆ อย่างครามครัน ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่าความสัมพันธ์นั้นอาจจะไม่ยั่งยืน แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว และไม่มีใครจะจะหยุดยั้งมันได้

เมื่อแดดออกดอกไม้ก็บาน
แต่ความสุขที่ไหนๆ มันก็จะผ่านไปเร็วเสมอ ในที่สุด คำสั่งให้โจมตีของหน่วยเหนือก็ตกมาถึง ต่างฝ่ายต่างกลับเข้าที่ตั้ง เสียงปืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง มันเป็นการสู้รบที่น่าดูชมที่สุดในโลก เพราะต่างฝ่ายต่างยิงข้ามหัวกันไปมา เล่ากันว่า “ มันเป็นการโจมตีที่สักแต่โจมตี ไม่มีใครอยากเอาชีวิตใคร เพราะพวกเขาเห็นแล้วว่า สงครามเป็นเรื่องที่โง่เขลา ”

เมื่อมิตรภาพได้แตกกล้าออกมา กระสุนและระเบิดชนิดใดๆก็ไม่อาจจะทำลายมันลงได้

การสู้รบอันแปลกประหลาดนี้ดำเนินไปได้ไม่นาน เรื่องรู้ถึงผู้บังคับบัญชา พวเขาตัดสินใจสับเปลี่ยกองทหาร เมื่อทหารใหม่มาถึง วิถีกระสุนที่เคยโด่งข้ามหัวก็ถูกกดต่ำลงมา มนต์ขลังแห่งคริสต์มาสในแนวรบปี 1915 ก็สิ้นสุดลง

เรื่องโง่ๆดำเนินต่อไป เมื่อมหาสงครามยุติลง มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 2 ล้านคน ..

ที่มา : จากเรื่อง คริสต์มาสที่ถูกลืม หนังสือ คลื่นข้างใน หน้า 149 เขียนโดย กระบี่ไม้ไผ่


( ภาพ : Bend In The Road โดย Campamelli Dan)

3 Comments:

At 9:05 AM, Blogger someone said...

ขอบคุณที่แบ่งปันจ๊ะ ... สงครามเป็นเรื่องโง่ๆ ของคนที่หลงในอำนาจ สมัยก่อนรบกันด้วยอาวุธ แต่ยุคสมัยนี้มีสงครามหลากหลายประเภท และสลับซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม...

 
At 1:48 AM, Blogger hospitalgirl said...

เค้าบอกว่า เรื่องราววุ่นวายที่เกิดขึ้นในโลกรวมทั้งสงครามนั้นเกิดจาก"ความกลัว" ที่เกิดขึ้นในใจของมนุษย์เองค่ะคุณ someone..เมย์ว่าหลายครั้งที่กลัวแล้ว เกิดความหวาดระแวงขึ้นมา เรื่องมันเลยเลวร้ายมากกว่าเดิม..เฮ้อ!! โลกเรา นับวันยิ่งอยู่ยากขึ้นทุกวี่ทุกวัน

 
At 12:16 PM, Blogger เด็กหญิงบนหลังคา said...

เข้ามาเจอ blog นี้ด้วยความบังเอิญค่ะ ได้อ่านแล้วรู้สึกดีมาก กับทั้งสิ่งที่คุณนำมาฝากให้อ่าน ทั้งบรรยากาศของ blog แล้วยังเพลงที่แสนเพราะนี้อีก (ทั้งๆที่ไม่เคยชอบเพลงนี้เลย)

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

 

Post a Comment

<< Home