Wednesday, March 01, 2006

..เริ่มที่ครอบครัว..



เมื่อคืนอยู่เวร


มีคนไข้คนหนึ่ง เป็นเด็ก เพิ่งพ้นการใช้คำว่า "นางสาว"นำหน้าชื่อได้ไม่ถึงปี แต่มานอนโรงพยาบาล เนื่องจากแท้งบุตร


ไม่ได้ตั้งใจเอาคนไข้มานินทานะคะ แต่อยากสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของสังคมของบ้านเรา ว่าเดี๋ยวนี้สังคมบ้านเราไปถึงไหนแล้ว


มีมารดามานอนเฝ้า คนที่ยังไม่รู้คือผู้เป็นบิดา เพราะ เด็กกับแม่ช่วยกันปิดผู้เป็นพ่อ ผู้เป็นสามีของเด็กคนนี้ ก็แวะมา แต่ไม่สามารถรับผิดชอบอะไรได้ เพราะ ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมเหมือนกัน


เห็นแล้วอนาถใจค่ะ สำหรับภาวะที่เรียกว่า ยังไม่ถึงวัยอันควร การรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็ก


หลายวันก่อน เห็นถกกันระหว่างส.ว. กับคุณหมอที่เป็นที่ปรึกษา ในกระทรวงสาธารณสุขหรือศึกษาธิการ

ดิฉันไม่ค่อยแน่ใจนัก ประเด็นก็คือเรื่องจะขายถุงยางอนามัยในสถานศึกษา


มีการเปิดประเด็นนี้ให้ผู้ร่วมฟังได้เข้ามาวมแสดงความคิดเห็นด้วย มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ต่างคนก็ต่างมองกันไปคนละมุม


คนที่เห็นด้วย จะมองในแง่ การป้องกันไม่ให้เกิดโรค และไม่ให้มีการกำเนิดเด็ก ในเวลาที่พ่อแม่ยังไม่พร้อม
นั่งดูแล้ว มานั่งคิดว่า มีผลประโยชน์ ระหว่างบริษัทผลิตถุงยางอนามัย กับบุคคลบางกลุ่มอีกรึเปล่า


สถานศึกษา ไม่ใช่ โรงแรม ไม่ควรที่จะนำตู้ขายถุงยางอนามัยมาไว้ในสถานที่นี้ ไม่คิดบ้างกรือว่า จะเป็นการชักนำ เด็ก..วุฒิภาวะ ยังไม่มี บางสิ่งเขายังแยกแยะไม่ได้ หน้าที่ของผู้ใหญ่ก็คือ ควรจะปลูกฝังในสิ่งที่ดีให้กับพวกเขา


ถุงยางอนามัยมีขายเกลื่อนในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งร้านเหล่านี้เห็นได้ทั่วทุกหัวระแหง ไม่จำเป็นเลย สำหรับสถานศึกษา


การตลาดของบริษัทผลิตถุงยางอนามัย คิดที่จะบุกตลาดในสถานศึกษากระนั้นหรือ ใช้อะไรคิดเนี่ย?
ถ้าเอามาติดตั้งหน้า โรงแรมม่านรูดสิ จะไม่ว่าเลย


ย้อนกลับไปมองปัญหาแรก...เด็กตั้งท้องเพราะ ไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งนั่นก็ถูก แต่ทว่า เราจะไปแก้ปัญหาที่ปลายเหตุกระนั้นหรือ


สำคัญที่สุดคือ ครอบครัว


เริ่มกันที่ครอบครัวกันก่อนดีมั้ยคะ

6 Comments:

At 6:09 PM, Anonymous Anonymous said...

ครอบครัวเป็นเบ้าหลอมสำคัญของคนในสังคม นอกจากจะหลอมคนออกมาเป็นตัวตนแล้ว ยังมีหน้าที่ในการกล่อมเกลาคน..ให้เป็นมนุษย์... ที่เขาบอกว่าเป็น..สัตว์ประเสริฐที่แตกต่างจากสัตว์อื่นๆ ขึ้นมาอีกด้วย..ถ้ายังไม่พร้อมก็อยู่บนคานดีกว่าเนอะ อิอิ :-)
สังคมทุกวันนี้ มักจะให้ความสนใจกับวัตถุมากกว่าความสำคัญของจิตใจ และเป็นสังคมที่ต้องการความรวดเร็วและฉาบฉวย การแก้ไขปัญหาต่างๆ จึงมักมองในแง่มุมที่แคบและตื้น ดูได้จากการคิดแก้ไขด้วยการตั้งตู้ขาย...ที่สถานศึกษา อืม!!..ช่าง(ปัญญา)ตื้น แต่(หน้า)หนา จริงๆ คิดปายด้าย....

 
At 9:38 PM, Blogger hospitalgirl said...

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับความคิดเห็นนี้ค่ะคุณ someone...ครอบครัว เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตค่ะ :)

 
At 4:30 PM, Anonymous Anonymous said...

คิดแบบเห็นแก่ตัวทำให้ดีใจว่าในวัยเด็ก ได้เห็นท้องฟ้าใสๆ เรียนรู้อยู่กับธรรมชาติ ดูปีกและหางของแมลงปอแต่ละตัว ดูนก ดูปลา แบบใกล้ๆ บ้าน :) เด็กๆ วันนี้คงหาดูสิ่งเหล่านี้ยากขึ้น ชีวิตที่หล่อหลอมให้ห่างไกลธรรมชาติ ทำให้ไม่อ่อนโยน ไม่รักชีวิต.. โทษใครหรืออะไรไม่ได้ ..หวังว่าการชะลอ การทำร้ายทำลายธรรมชาติ จะช่วยให้เด็กทุกคนไม่ต้องไปเรียนรู้แมลงปอในตู้กระจกหรือในพิพิธภัณฑ์

 
At 5:05 PM, Anonymous Anonymous said...

วู๊ ... เครียด อ่านแล้วเครียด ..ลูกสาวเพิ่ง4ขวบ เครียดล่วงหน้าแว๊ว ..อิอิ

 
At 12:49 AM, Blogger hospitalgirl said...

ขอบคุณค่ะคุณ Anonymous..ที่ช่วยย้ำเตือนความทรงจำในวัยเด็ก..สังคมเปลี่ยนไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป..การเอาตัวรอดของผู้คนในสังคม ทำให้ส่งผลกระทบกับทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งเยาวชนค่ะ

 
At 12:51 AM, Blogger hospitalgirl said...

มีลูกก็เหมือนมีห่วงไปตลอดชีวิตนะ maxmax..ขอย้ำว่า ครอบครัวสำคัญที่สุดที่จะหล่อหลอมให้เข้าเป็นคนดี หรือไม่ดีในสังคม...เอาใจช่วยนะ

 

Post a Comment

<< Home