Friday, June 23, 2006

..ไม่ปกติ..


เมื่อค่ำวันก่อนน้องที่ทำงานบอกว่า มีเพื่อนผู้ชายมาถามหาดิฉัน ..

ดิฉันเห็นข้อความในกระดาษที่เขาคนนั้นฝากไว้ให้ดิฉัน บอกว่าเขาจะมาหาดิฉันอีก น้องที่รับข้อความรวมทั้งพี่ๆน้องๆและคนอื่นๆ ในอยู่ในเหตุการณ์วันที่ เพื่อนคนนี้มาถามหาดิฉันต่างก็บอกว่า ผู้ชายคนนี้นิสัยแย่มาก มาเคาะกระจกตรงเคาน์เตอร์ ถามหาดิฉัน พร้อมกับแสดงมายาทที่แย่มาก ดิฉันก็งงล่ะสิ ว่าเขาคนนี้มาทำไม

น้องๆบอกว่า เขาถามถึงตารางเวรของดิฉันว่าจะมาทำงานอีกเมื่อไร วันไหนอยู่เวรเช้าบ้าง น้องก็ไม่ได้ให้ตารางเวรของดิฉันไป เขาคนนี้ก็ขอเบอร์โทรศัพท์ ด้วยความเป็นห่วง น้องๆพวกนี้จึงไม่ได้ให้เบอร์โทรศัพท์ของดิฉันไป เขาจึงฝากข้อความดังกล่าวไว้ และบอกว่าจะมาอีก และน้องๆ ยังบอกให้ดิฉันระวังตัว

วันรุ่งขึ้น นายคนนี้มาเจอดิฉันอีกจนได้

ตอนนั้นมีเพื่อนร่วมงานอยู่หลายคน ดิฉันเปิดประตูเคาน์เตอร์ออกไป แต่ยังยืนคาประตู ไมได้ออกไปคุยกับเขาข้างนอก ดิฉันถามเขาว่า “ มีธุระอะไรกับเรา ? ” เขาบอกว่า “แวะมาหาเฉยๆ ” ดิฉันตำหนิเขาว่า ทำไมทำกริยาไม่สุภาพกับน้องๆที่ทำงานของดิฉัน เขาบอกว่าน้องเข้าใจผิด ดิฉันบอกว่า บอกอย่างนี้กันหลายคน และ ดิฉันบอกว่า ไม่มีเวลาคุย มีงานต้องทำ

เขาบอกว่าไม่เป็นไร แต่ถามหาข้อความที่เขาฝากไว้ว่าดิฉันได้รับหรือไม่ ดิฉันตอบว่า ได้รับแล้ว ที่แปลกคือ เขาถามอีกว่า แล้วดิฉันล่ะ จะฝากข้อความถึงเขารึเปล่า? ดิฉันเป็นงงสิคะ มาเจอตัวแล้วจะเอาข้อความอะไรอีก? ดิฉันเลยบอกว่าจะทำงาน ยังค่ะ เขายังไม่กลับ เขาขอเบอร์โทรศัพท์ ดิฉันเลยบอกว่า “ไม่ให้” เขาบอกว่าไม่เป็นไร และเขาก็กลับไป

ท่านผู้อ่านคงคิดว่าผู้ชายคนนี้คงเป็นแฟนดิฉันมาก่อน เปล่าเลยค่ะ เราไม่ได้สนิทสนมกัน ขอเล่าก่อนว่า ผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนของเพื่อน เรารู้จักกันเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ดิฉันเรียนอยู่ เขามาแข่งกีฬา 8 Gear สมัยนั้น ม.เชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเรียนอยู่สถาบันเดียวกับเขา และไปแข่งขันกีฬาที่นั่น พวกเราแนะนำให้เพื่อนๆรู้จักกัน

ตอนนั้นดิฉันและเพื่อนๆ พาเพื่อนต่างสถาบันไปเที่ยวเชียงใหม่ พวกเราไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ด้วยซ้ำ มีเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม มาก้อร่อก้อติกกับดิฉัน จนเพื่อนๆในกลุ่มล้อ ดิฉันไม่ชอบเลยปฏิเสธไป และเขาคนนั้นก็ไม่มาวอแวอีก เขาคนนั้นก็ไม่ใช่ผู้ชายคนที่ดิฉันเล่า และผู้ชายคนที่ดิฉันเล่านี้ก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรกับดิฉันในตอนนั้นเลย

ในเวลาต่อมา หลังจากที่ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานทำการของตัวเองแล้ว วันหนึ่งดิฉันก็ได้รับการติดต่อจากผู้ชายคนนี้มาเรื่อยๆ แต่ที่บอกว่าเรื่อยๆนั้น ดิฉันก็ไม่ได้คุยอะไรกับเขา โทรศัพท์มา ดิฉันก็ขอตัวไปทำงาน อ้างว่าไม่ว่าง หรือไม่ก็ปฏิเสธการรับสายจากเขาทุกครั้งร่ำไป ครั้งหนึ่งที่เขาเคยเอากุหลาบช่อใหญ่มาให้ดิฉันถึงที่ทำงาน ดิฉันถามว่าให้เนื่องในโอกาสอะไร และพร้อมกับตำหนิไปด้วย เขาเคยโทรมาหาตอนที่ดิฉันไปทานอาหารค่ำกับแฟน (คนเก่า) ดิฉันก็บอกไปตามตรงว่าดิฉันทานข้าวกับแฟนอยู่

ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงไม่ตอแยแล้วล่ะค่ะ และถ้าดิฉันเป็นคนๆนี้ดิฉันก็คงไม่ตอแยแล้ว แต่เขาก็ยังคงติดต่อดิฉันเข้ามาอีกเรื่อยๆ จนครั้งหนึ่งไม่นานมานี้เอง เขามาหาถึงที่ทำงานอีก ถามว่าดิฉันใกล้จะแต่งงานหรือยัง ดิฉันโกหกไปว่า ใกล้แล้ว นึกว่าเขาจะเลิกติดต่อกับดิฉันแล้วเสียอีก เมื่อเจอไม้นั้นเข้าไป แต่ที่ไหนได้ ยังมาอีก

เขาคงไม่ปกติแน่ๆ จะว่าน่าสงสารก็น่าสงสาร น่ากลัว ก็น่ากลัว เพื่อนที่ทำงานบอกว่า เคยเจอแต่พวกโรคจิตที่ตามดารา แต่ดิฉันไม่ใช่ดารานี่คะ

ไม่รู้จะทำยังไงดี เฮ้อ!! ..


( ภาพ : Summer โดย Benson Frank Weston )

4 Comments:

At 11:21 AM, Anonymous Anonymous said...

อ่านแล้วสุดุ้งครับ เพราะเวลาที่นายบอนแวะไปหาเพื่อนที่เป็นพยาบาลก็ชอบไปเคาะกระจกที่เคาเตอร์ เท่านั้นเอง ไม่รู้ว่าเป็นมารยาทที่แย่หรือไม่ แต่นายบอนก็เข้าไปถามไถ่แบบเรียบร้อยนะครับ

แต่เรื่องราวของคุณเมย์เนี่ย ที่บอกว่า เค้าไม่ปกติ ... อิอิ ถ้าเค้าไม่สนใจ ไม่ตามตื้อ คงจะเป็นคนที่ปกติสิเนาะ

 
At 2:35 PM, Blogger hospitalgirl said...

น้องหลายคนที่ทำงายบอกว่า เคาะแบบไม่สุภาพค่ะ คุณบอน จริงๆ เคาะประตู หรือเคาะกระจกก็ตาม..ดูที่เจตนาคนเคาะ บางคนสุภาพกับคนที่เขาชอบ แต่ไม่สุภาพกับคนอื่นๆ แบบนั้นก็ไม่ค่อยดีนะคะ :)

 
At 8:25 AM, Blogger someone said...

หุหุ !! จะดีใจหรือเป็นห่วงดีน๊า อิอิ!! :-) ดีใจด้วยที่มีเสน่ห์ยังไม่เปลี่ยนแม้จะ 14 ปีผ่านไปแล้ว อิอิ ...แต่ก็น่าเป็นห่วงนะ ระมัดระวังตัวบ้างก็ดี ก็อยู่ที่ว่าเขาเอาจริงเอาจังแค่ไหน ตามมาได้ตั้ง 7 ปีแล้ว ก็ให้เขาตามต่อไปเถอะ.. สงสัยว่าจะมีคติประจำใจว่า ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก..

 
At 12:59 PM, Blogger hospitalgirl said...

เสน่ห์แบบนี้ ไม่เอาดีกว่าค่ะคุณ someone..น่ากลัวๆ..เมย์ว่าท่าทางไม่ปกติแน่ๆ ในความคิด หรือในสมองคงจำได้ไม่กี่คน หรือบางส่วนของเนื้อสมองเค้ามีปัญหาจริงๆรึเปล่า ก็ไม่รู้สินะ..เห็นบอกว่า กำลังเรียนโทอยู่ (จริงรึเปล่าก็บ่ฮูเน้อ)

 

Post a Comment

<< Home