Wednesday, July 05, 2006

..พวงมาลัยเป็นเหตุ..


นั่งดูรายการร่วมมือร่วมใจ เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา

มีคนขายพวงมาลัยตามสี่แยกมาร้องเรียน ขอความยุติธรรม จากเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เหตุมาจากเด็กขายพวงมาลัยถูกรถชน ขณะกำลังขายพวงมาลัย เมื่อไม่นานมานี้

ดิฉันจำได้ว่าเคยเขียนเรื่องเด็กขายพวงมาลัย ประมาณปีที่แล้ว ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว เขียนไปก็เหมือนกับบ่น บ้านเรามักจะทำอะไรที่ที่ดูเหมือนกับ วัวหายล้อมคอก ถ้าไม่มีเด็กถูกรถชน ก็คงไม่มีมาตรการอะไรออกมาแน่ๆ

นั่งดูรายการ ดังกล่าว ประมาณครึ่งชั่วโมง พ่อค้าแม่ค้ามาร้องเรียนในรายการ มีหลากหลายวัย ไปจนกระทั่งคนชรา ทางรายการจับหน่วยราชการเกี่ยวกับการส่งเสริมอาชีพมานั่งคุยด้วย เพื่อจะหาทางออกให้กับเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่ขายพวงมาลัยทั้งหลาย ปรากฏว่า ไม่มีใครยอมที่จะไปเรียนรู้ในการทำอาชีพใหม่

ทุกคนยืนยันที่จะทำอาชีพเดิมต่อไป โดยให้เหตุผลว่า ทำกันมาเป็นสิบปีแล้ว ทำกันทั้งชุมชน จะให้เขาไปทำอาชีพอื่นคงไมได้เนื่องจากพวกเขาไม่มีทุน

ผู้ดำเนินรายการทั้งสามพยายามไกล่เกลี่ย และหาทางออกให้ แต่บรรดาผู้ขายพวงมาลัยทั้งหลาย ก็ไม่ยอม ยืนยันขอทำอาชีพเดิมต่อไป ถ้าเป็นไปได้ ขอแค่มาจัดระเบียบให้เท่านั้น ทางราชการบอกว่า ควรมองอีกสองด้าน หนึ่งการขายพวงมาลัยตามสี่แยกนั้น ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และเท่านั้นยังไม่พอ ทำให้บ้านเมืองไม่เป็นระเบียบ อยากให้ เห็นแก่ส่วนรวมบ้าง

ป่วยการค่ะ เหตุผลเหล่านี้ ไม่สามารถทัดทาน บรรดาคนที่มาเรียกร้องได้ ต่างก็ยืนยันจะทำอาชีพเดิมต่อไป จะขายเป็นที่เป็นทาง ก็ไม่มีใครยอม บางคนบอกว่า หากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมากวดขันก็คงหลบ และทำการแอบขายต่อไป เนื่องจากมีผู้ซื้อประจำ

คิดเห็นกันอย่างไรบ้างคะ สำหรับกรณีการขายพวงมาลัยตามสี่แยกอย่างที่เล่ามา?

หากอาชีพอื่น มาเรียกร้องแบบนี้บ้างบ้านเมืองไม่วุ่นวายกว่านี้หรือ? หากคนขอทานหรือพวก homeless ที่ถกกวาดต้อน มาเรียกร้องแบบนี้ล่ะ หรือถ้าขโมย ขะโจรบอกว่า ทำลักษณะที่ว่า มาเป็นสิบๆปี แล้วมาร้องเรียนล่ะคะ

แปลกนะคะ เวลาจะจัดหาอาชีพ หรือส่งเสริมอาชีพสุจริต แบบอื่นที่ทำเงินให้เหมือนกัน ก็ไม่สนใจ แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะคะ

ลำบากน้อ!!?!! ..

6 Comments:

At 12:00 PM, Anonymous Anonymous said...

หึหึ!! เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอย่างไม่รู้จบ จำไม่ได้แล้วว่า มีการพูดถึงเรื่องนี้มากี่ครั้งแล้ว แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ช่วงก่อนก็หายกันไปพักใหญ่หลังจากมีการจับคนที่ขายของบนถนน แต่พอเลิกจับก็ขายกันใหม่ ที่เป็นเรื่องขึ้นมาอีกก็เพราะมีเรื่องเศ้า ที่เด็กขายพวงมาลัยถูกรถชนบนถนน ... มีหลายแง่มุมที่จะมองในเรื่องนี้ ถ้าทางด้านความถูกต้องตามกฎหมาย การขายของบนถนนก็ผิด แต่ก็ขายกันเรื่อยมาจนคิดไปเองว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ ..มองในแง่ของความเมตตาตามธรรมชาติของคนไทย การทำร้ายอาชีพของเขาก็ไม่ดีอีก ...ความพยายามที่จะแก้ไขมีอยู่ต่อไปแต่ก็ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดที่ไหน ...ส่วนตัวไม่เคยซื้อพวงมาลัยจากเด็กที่ขายบนถนนแม้ว่าจะน่าสงสารสักแค่ไหน ถ้าเราซื้อของเป็นที่เป็นทาง คนขายก็ต้องหาที่ขายได้ถูกที่เอง... :-) ไม่เครียดเนอะ ช่วยกันทำสิ่งที่ถูกต้องคนละนิดก็จะดีขึ้นเองหล่ะ ...

 
At 2:09 PM, Blogger hospitalgirl said...

คงเหมือนคนที่ขายของบนทางเท้า มั้งคะคุณ someone..แก้ไขไม่ได้แล้วล่ะมั้งคะ

 
At 12:51 AM, Anonymous Anonymous said...

สวัสดีค่ะ..พี่ๆ
คิดถึงพี่เมย์มากมาก..เลย..
นี้เข้ามาอ่านบลอคพี่ก่อนเลยน่ะ..หลังจาก..วุ่นวายมานาน..บลอคตัวเอง..ไว้ค่อยเขียน..หุหุ..เรื่องมานเยอะ..
คิดถึงพี่ someone ด้วยนะคะ

สำหรับเรื่อง..ขายพวงมาลัย..
คิดแล้วกลุ้มค่ะ..ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม..พวกเขาเหล่านั้น..ถึงไม่คิดจะสร้างอาชีพใหม่ให้ตนเอง..ไม่เข้าใจเหมือนกัน..คิดแล้วกลุ้ม..

แต่ที่รู้ๆ..แม่เคยบอกว่า..อย่าไปซื้อดอกมะลิ..ที่เค้าร้อยขายอยู่ทั่วไป..เพราะเค้าแช่ ฟอร์มาลีน กันเน่า..

ผักผลไม้..ก็มีสารพิษ..

หุหุ..

คนเรา..ถ้าทำอะไร..โดยไร้จิตสำนึก..ก็เป็นการทำลาย..มนุษย์และธรรมชาติ..ทั้งมวลไปพร้อมๆกัน..

คิดแล้ว..มีแต่..กลุ้มกะกลุ้ม..
(เอ้..หนูพิมพ์อะไรไปเนี๊ยะ..
รู้แต่ว่า..คิดถึงพี่ๆ นะคะ)

 
At 10:12 PM, Blogger hospitalgirl said...

สวัสดีค่ะน้องปัทม์...หายไปนานเลยนะคะ //คิดถึงเหมือนกัน.....เรื่องพวงมาลัยที่น้องปัทม์แสดงความคิดเห็น...พี่ก็เห็นด้วยตามนั้นนะคะ...สรุปแล้ว สาเหตุของปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาพวงมาลัย หรือปัญหาอะไรก็ตาม มันมักจะเกิดจาก การขาดจิตสำนึกของมวลมนุษย์...จริงๆนะคะ พี่ว่าอย่างนั้นแหละ

 
At 11:16 AM, Anonymous Anonymous said...

เอ!! น้องปัทม์หายไปนานจริงๆ ไปทำอะไรอยู่น๊า ..ไปเป็นด๊อกเตอร์ หรือเป็นนักศึกษาที่ไหน เป็นคุณนายบ้านใด บ้านใด..ร้องเป็นเพลงซะเลย.อิอิ :-)
..แล้วคุณเมย์ หายไปไหนมาเนี่ย ไม่มีเรื่องบ่นเลยเหรอ ..ว้า คิดถึงง่ะ ^___^

 
At 5:16 PM, Blogger hospitalgirl said...

สวัสดีค่ะคุณ someone..เรื่องเขียน เดี๋ยวขอพักแป๊บนะคะ..งานวุ่นวายมากเลย เข้ามาอ่านแค่แว๊บๆค่ะ..เดี๋ยวถ้ามีเวลาจะมานั่งบ่นใหม่ คิดว่าไม่นานนะคะคุณ someone

 

Post a Comment

<< Home