Tuesday, March 14, 2006

..แดจังกึม (ตอนจบ)..


วันอาทิตย์ที่ผ่านมาละครเกาหลี "แดจังกึม" ดำเนินมาถึงตอนจบ

คิดว่าหลายๆคนคงจดจ่ออยู่กับละครเรื่องนี้ บางคนไม่พลาดแม้แต่ตอนเดียวก็ยังมี เข้าขั้นติดมากใครที่ได้ดูคงจำตอนจบของเรื่องได้ มีอยู่ฉากหนึ่ง ตอนที่พระพันปี ให้แด จังกึมกับมิน จุงโฮ กลับเข้ามาในวังและ คืนตำแหน่งเดิมให้กับทั้งสองคน ฉากที่มีคนทั้งวังพากันมาต้อนรับ แปลกใจเหมือนกันที่เสนาขวา (คนที่เป็นเจ้านายคนเดิมของมิน จุงโฮ) ออกมาต้อนรับด้วยความยินดี และมาถึงอีกฉาก เสนาขวา เรียกมิน จุงโฮ มาคุย บอกให้ช่วยงานต่อ ตอนนั้นมีใครแปลกใจเหมือนกับดิฉันบ้าง?

ที่แน่ๆ ใต้เท้า มิน จุงโฮ คงแปลกใจเหมือนกัน ดูจากสีหน้า ตอนที่เสนาขวา บอกให้ช่วยงาน ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่พวกเสนานี่แหละเป็นคนถวายฎีกาให้พระราชาเนรเทศเขาออกไปลำบาก คนเรานี่ใส่หน้ากากได้เนียนจริงๆเลยนะคะไม่ว่าจะเป็นสมัยใดก็ตาม สมัยโบราณหรือสมัยปัจจุบัน คนที่มีอำนาจมากมักจะมีคนเกรงใจ ยอมมาสยบอยู่ใต้อำนาจ แต่พอหมดอำนาจลง อย่างที่เราๆท่านๆเห็นกัน อยู่ค่ะ เป็นไงล่ะ พวกนี้ ความจริงใจไม่ค่อยมีให้กันหรอก อย่างที่มีคนเคยพูดว่า "ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร" เห็นง่ายๆ ก็การเมืองสมัยนี้ยังไงล่ะคะต่อเรื่องแด จังกึมค่ะ ..

เมื่อเป็นเช่นนั้น แด จังกึม กับมิน จุงโฮ ก็เลยตัดสินใจ บอกลาสังคมในวัง ไปใช้ชีวิตนอกวัง อย่างสงบแทน การที่ไม่อยู่ใต้อาณัติใคร การที่ได้ทำอะไรได้อย่างอิสระน่าจะมีความสุขกว่า การมียศถาบรรดาศักดิ์ แต่ต้องถูกควบคุม โดยผู้มีอำนาจมากกว่า ความจริงใจน่าจะมีมากกว่า ไม่ต้องแบกความหนักใจ และภาระที่หนักอึ้ง โดยเฉพาะ ภาระทางใจ เธอยังบอกไว้เลยว่า ในวังสามารถให้อะไรเธอได้ทุกอย่าง แต่ก็พร้อมจะทำลายทุกอย่างของเธอได้เหมือนกัน

ละครเกาหลีเรื่องนี้มีข้อที่ดิฉันสังเกตอีกข้อหนึ่งก็คือ ตอนที่แด จังกึม ออกเรือนไปแล้ว ทรงผมของเธอจะเปลี่ยนไป ทีแรกดิฉันคิดว่า ทรงผมที่เป็นผมเปียถักรอบๆศีรษะ เป็นทรงผมของผู้ที่แต่งงานแล้ว หรือไม่ก็แสดงให้เห็นความเป็นแม่บ้านแม่เรือน แต่พอตอนจบ ละครก็ทำให้ดิฉันแปลกใจอีก นั่นคือ ตอนที่ แด จังกึม ตัดสินใจออกจากวัง ทรงผมจะถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นทรงเดิมอีกครั้งคือรวบไปข้างหลังหมด เหมือนทรงผมสมัยที่เธอยังสาว ไม่เข้าใจว่าผู้เขียนบท ต้องการสื่อให้ผู้ชมได้ทราบถึงเรื่องอะไร ป่านนี้ดิฉันก็ยังคงสงสัยอยู่

ตอนจบของเรื่อง เชื่อไหมว่า ดิฉันร้องไห้ด้วยแหละ ตอนที่พระราชา มองแด จังกึมเป็นตอนสุดท้ายก่อนที่จะมีพระบัญชาให้ กรมมหาดเล็ก พาแด จังกึม ออกจากวัง ตอนสุดท้ายนี่ ผู้กำกับตั้งใจจะให้พระราชาเป็นตัวเด่นรึเปล่า ก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ที่รู้ๆ พระเอกของเรา ไม่เด่นเลย ถูกบทของพระราชากลบไปหมดเลย ไม่งั้น ผู้ชมอย่างดิฉันจะร้องไห้ได้อย่างไร

เขียนไปเขียนมา ก็ยังจำทุกฉากของตอนจบได้เลยนะคะ

อย่างว่าแหละชมด้วยความประทับใจ

14 Comments:

At 4:30 PM, Anonymous Anonymous said...

คุณพยาบาลติดแดจังกึม......ไม่บอกกับปาก
ไม่เชื่อนะเนี่ยะ

อย่าโยงไปเรื่องการเมืองเลยเนอะ กลัวจะเครียดเอา
ล่ะสิ

อากาศในกรุงเทพเย็นหรือปล่าว ช่วงนี้เหมือนจะอากาศ
เปลี่ยน ระวังสุขภาพด้วยนะ

ใกล้จะวันเกิดแล้วเนอะ มีแผนการว่าจะไปเที่ยว
ไหนบ้างล่ะเนี่ย....BT

 
At 7:51 AM, Anonymous Anonymous said...

เอาอีกแล้ว...แม่หนูจำไม ช่างสังเกตจริงๆ แต่ก็น่าคิดอย่างว่าหล่ะนะ ...แต่อีกแง่หนึ่งอาจจะเป็นเพราะเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาเป็นคนดีที่เสมอต้นเสมอปลาย แม้เขาจะมีโอกาสที่จะออกไปอยู่อย่างสุขสบายที่เมืองจีน แต่เขาก็ยังคงรักพี่น้องชาติเดียวกัน เที่ยวรักษาคนและทำประโยชน์กับบ้านเมืองตัวเองแม้ว่าจะอยู่อย่างลำบากและเร่ร่อน...พวกเขาเลือกที่จะสุขใจมากกว่าสุขกายเนอะ...
เรื่องทรงผมและของตกแต่งบนศีรษะ น่าจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกฐานะในสังคมของเขานะ อย่างพวกเชื้อพระวงศ์ พระพันปี มเหสี นางสนม ก็จะมีเครื่องประดับผมสวยงาม พวกนางใน(ซึ่งต้องเป็นโสด)จะมีทรงผมเปียถักรอบหัว หมอหลวงก็จะเก็บผมไว้ด้วยหมวก คนธรรมดาก็ไม่ต้องทำอะไรให้หนักหัว...อิอิ รวมทั้งเสื้อผ้าด้วยนะมีการแบ่งชนชั้นกันค่อนข้างชัดเจนนะสมัยนั้น
:-) โอ้โฮ ! ซึ้งถึงขนาดร้องไห้เลยเหรอคุณเมย์ แต่ไม่เป็นไรหร๊อก มีคนช่วยซับน้ำตาอยู่แล้ว อิอิ...
คุณเมย์ ประทับใจขนาดนี้ ท่าทางจะต้องหามาเก็บไว้เสียแล้วอย่างนี้

 
At 8:51 AM, Anonymous Anonymous said...

แล้วสมัยนี้เสื้อผ้ามีการแบ่งชนชั้นกันชัดเจนหรือเปล่าหนอ.. ก็ยังคิดอยู่เหมือนกันว่า ทรงผมที่รวบไปข้างหลังสุดนั้นแสดงสถานภาพของหมอ.. ถึงแม้จะไม่มีหมวกใส่อยู่ แต่สิ่งที่เธอกำลังทำก็คือหน้าที่ของหมอนั่นเอง.. ถ้าว่ากันตามนี้ ละครเรื่องนี้ แบ่งสถานะกันลึกเลยนะเนี่ย..

 
At 12:23 PM, Anonymous Anonymous said...

อืมมมม ท่าทางเป็นเอามากๆ เลยนะเนี่ยคุณเมย์ ^_^ แล้วพอเรื่องนี้จบแล้วนี่จะติดเรื่องไหนต่อละครับเนี่ย 5555

 
At 3:23 PM, Blogger hospitalgirl said...

ตอบคุณ BT..ไปๆมาๆ เราก็เอาโยงเข้าการเมืองจนไ้ด้ ทุกทีสิน่า 5 5 5..รู้ตัวเหมือนกัน...ไม่ได้เครียดหรอก ถ้าไม่ติดตามข่าว อิอิ...บางช่วงเครียดมากก็ หยุดดูข่าวไปพักนึงก็ดีขึ้น จริงๆ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีกว่า ทำสิ่งที่ไม่เดือดร้อนกับชาวบ้านเค้าอ่ะ..เนาะ.....ส่วนเรื่องพักผ่อน เดี๋ยวรอ เมษา คงไปพักผ่อน กับพ่อกับแม้จ้ะ

 
At 3:27 PM, Blogger hospitalgirl said...

คุณ someone คะ...ตอนแรกก็คิดแบที่คุณ someone คิดนะคะ ทรงผม แบ่งสถานะทางสังคม...แต่เปียรอบหัวน่ะ ตอนที่นางเอกไปใช้ชีวิตแบบชาวบ้าน ก็เปียเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ไม่มี เจ้ากลมๆ ที่เป็นสี เหนือหน้าผากแค่นั้นแหละ..สังเกตหรือไม่? ...ส่วนเรื่อง ความรักมั่นคงของพระเอกนางเอก ก็น่าชื่นชมค่ะ (ของพระราชาก็เหมือนกัน...วิธีแสดงความรักของพระราชาที่มีต่อนางเอก กับวิธีแสดงความรักของพระเอกที่มีต่อนางเอกนั้นต่างกันนะคะ) ...อย่างไรก็ตาม..ประทับใจ ถึงแม้ไม่ได้ดูตั้งแต่ต้นเรืองก็ตาม :)

 
At 3:29 PM, Blogger hospitalgirl said...

คุณ Anonymous คะ....เรื่องนี้ ปบ่งสถานะ จากการแต่งกาย แล้วก็อีกหลายๆอย่าง แต่สังเกตอีกอย่างว่า บ้านช่อง ในเรื่องไม่ค่อยต่างกันเท่าไร ผู้กำกับไม่ได้เอามาเป็นจุดเด่น..เนาะ

 
At 3:30 PM, Blogger hospitalgirl said...

สวัสดีค่ะคุณ lonelyheart...เห็นบอกว่า กำลังจะนำมาออกอากาศใหม่ เป็นช่วงบ่ายๆ ของวันธรรมดาค่ะ จริงๆไม่ได้ติดตามตั้งแต่แรก..แหะ แหะ เลยขอซะหน่อย ....จริงๆ เมย์ติดรายการเกมโชว์ของญี่ปุ่นด้วยนะคะ เดี๋ยวจะเอามาเขียนลงบล็อค :)

 
At 7:47 AM, Anonymous Anonymous said...

อืม! ยอมรับว่าไม่ค่อยได้ดูละครเรื่องนี้อย่างจริงจังสักเท่าไหร่ เดี๋ยวจะหา DVD ดูอีกทีและถ้าอยากดูให้เข้าใจก็คงต้องหาความรู้เรื่องวัฒนธรรมในช่วงเวลานั้นด้วยนะ ...นั้นน่ะสินะ ทั้งพระราชาและพระเอกมีความรักต่อนางเอกเหมือนกันทั้งสองคนและเป็นความรักที่ดีซะด้วยเนอะ..นั้นก็คือการให้และเสียสละ วิธีการอาจจะแตกต่างกันแต่มีจุดประสงค์เดียวกันคือให้นางเอกมีความสุขมากที่สุด

 
At 8:52 AM, Blogger hospitalgirl said...

สรุปแล้วเป็นความรักที่น่าชื่นชมมากๆเลยนะคะคุณ someone..คิดว่าคงพอมีบ้างล่ะ แต่คงหายากหน่อย เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร อิอิอิ :)

 
At 10:18 AM, Anonymous Anonymous said...

นั้นน่ะสิ ... มีอยู่แล้วก็ทนุถนอม ดูแลนะ ...หล่นหายไปล่ะก้อ.... หายากนะ เข็มเล็กนิดเดียวเอง แต่ทิ่มแทงใจได้เจ็บปวดดีนักแล :-)

 
At 10:59 AM, Blogger hospitalgirl said...

เข้าใจเปรียบเปรยนะคะคุณ someone แต่ก็เห็นด้วยล่ะนะ...แต่อย่างไรก็ตาม เข็มก็มีข้อดีหลายอย่าง ระงับปวดได้นะคะ...ฝังเข็มแบบในเรื่องไง อิอิอิ....แต่เข็มตำ ยังไง ก็ไม่ทำให้ตายเนาะ :)

 
At 11:42 AM, Anonymous Anonymous said...

555!! เข้าเรื่องจนได้นะคุณ ... ของสิ่งเดียวกันก้อมีทั้ง 2 ด้านเสมอเนอะ มีประโยชน์ใช้ในการรักษาและเป็นโทษถ้าเป็นเข็มขึ้นสนิม ... ใช่มั้ยคุณพยาบาล ;-)

 
At 1:06 PM, Blogger hospitalgirl said...

เห็นด้วยค่ะ ทุกอย่างก็มีสองด้าน เหมือนเรื่องเหรียญอีกจนได้ เนอะ คุณ someone อิอิอิ ..สำหรับเรื่องสนิม..มะนาวล้างสนิมได้นะคะ 5 5 5

 

Post a Comment

<< Home