Saturday, March 18, 2006

..หนังสือ..



ดิฉันเป็นคนชอบอ่านหนังสือ

ที่บอกว่าชอบอ่านหนังสือนี่คือชอบอ่านจริงๆ อันที่จริงคนเราสามารถเลือกอ่านตัวหนังสือได้จากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือที่มาจากหนังสือ ทั้งนิตยสาร หนังสือพิมพ์ นวนิยาย ตำราต่างๆ สมุดไดอารี หรือสมัยนี้ก็ต้องอ่านจากคอมพิวเตอร์

ท่านผู้อ่านชอบอ่านข้อความจากหนังสือที่เป็นกระดาษหรือว่าหนังสือออนไลน์มากกว่ากันคะ?

หลังจากที่เขียนข้อความลงบล็อคแล้ว แทบทุกครั้งดิฉันจะต้องพิมพ์ออกมาเพื่อเอาอ่านอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้ง ทุกครั้งมักจะมีข้อความที่เกิดจากการพิมพ์ผิดเสมอ ซึ่งเวลาอ่านจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เรามักมองไม่เห็นคำผิดเหล่านั้น ดิฉันจึงตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นเองว่า อาจเป็นเพราะอ่านแบบจับใจความ ไม่อ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วนถึงทุกๆตัวอักษร รีบพิมพ์ รีบโพสต์ ดังนั้น สิ่งที่ผิดพลาดจึงไม่ค่อยปรากฏอยู่ในสายตาสักเท่าไรนัก

แต่หลายครั้งที่อ่านข้อความที่คนอื่นเขียนออกมา แต่ตัวเองสามารถจับจุดที่ผิดของข้อความเหล่านั้นออกมาได้เสมอ ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจจับผิด และเมื่อพิจารณาดูแล้ว ก็จะเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะมนุษย์ไม่ค่อยเห็นความผิดของตัวเอง แต่มักเห็นความผิดของผู้อื่นก่อนเสมอ

กลับมาพูดถึงเรื่องการอ่านหนังสือดีกว่าค่ะ หลายคนมักจะบอกว่า ชอบอ่านหนังสือมากกว่า เพราะ ไม่เสียเวลาเหมือนอ่านข้อความในคอมพิวเตอร์ เนื่องจาก ขั้นตอนการเปิดคอมพิวเตอร์นั้นยุ่งยากกว่าการอ่านหนังสือปกติ จะพกพาไปไหนก็ไม่สะดวกเท่า และยังต้องเพ่งสายตาในการอ่านมากกว่าด้วย

เรามักจะอ้างว่า เราใช้อินเตอร์เน็ต เพื่อหาข้อมูลต่างๆ แต่แท้ที่จริงๆแล้ว แหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดคือห้องสมุดค่ะ อินเตอร์เน็ต ไม่สามารถใช้หาข้อมูลในเชิงลึกได้ ส่วนใหญ่เป็นเพียงข้อมูลคร่าวๆเท่านั้น (หรือว่าดิฉันไม่ใช่ผู้ชำนาญการ) จากประสบการณ์แล้ว มันแสดงให้เห็นเช่นนั้นจริงๆ จริงอยู่อินเตอร์เน็ต มีประโยชน์หลายสถาน หลายครั้งที่เชื่อว่า เราไม่จำเป็นต้องไปห้องสมุดก็ได้ แล้วก็หลายครั้งเหมือนกันที่เรา ค้นหาสิ่งที่เราต้องการ ในอินเตอร์เน็ตไม่ได้เหมือนกัน ท้ายที่สุดแล้วต้องพึ่งห้องสมุดจนได้

องค์กรที่ดิฉันทำงานอยู่ เคยคิดจะยกเลิกการใช้เอกสาร โดยการให้ อินทราเน็ตแทน แต่หลายปีผ่านไปแล้ว ก็ยังคงต้องใช้ทั้งสองอย่างควบคู่กัน

หลายสิ่งหลายอย่าง มีประโยชน์ แต่ประโยชน์สูงสุดที่จะได้มาหรือไม่นั้น คนที่ใช้ต้องพิจารณาการใช้งานค่ะ ว่าจะใช้สิ่งไหน และใช้ควบคู่กันหรือไม่ หนังสือและคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน หากเราใช้ทั้งสองอย่างประกอบกัน ก็จะมีประโยชน์หลายสถาน

แล้วท่านผู้อ่านล่ะคะ ว่าอย่างไรกันบ้าง ส่วนตัวดิฉันเองถึงจะชอบทั้งสองอย่าง แต่ถ้าให้เลือกจริงๆ ดิฉันรักหนังสือมากกว่าค่ะ

เพราะดิฉันไม่อยากจะเป็น e-lady อิอิอิ

( ภาพ : Bookends โดย Hank Steve )



11 Comments:

At 12:29 AM, Anonymous Anonymous said...

:-) ชอบการสัมผัสของผิวกระดาษจ๊ะ แต่ถ้าเรื่องเนื้อหาหรือข้อความต่างๆ ละก้อมีอะไรก็อ่านหมดไม่มีเกี่ยงทั้งนั้น ..ที่ชอบมากที่สุดคืออ่านหนังสือก่อนนอน หลับสบายดีทุ๊กคืน ฝันดีจ๊ะ...

 
At 1:55 PM, Anonymous Anonymous said...

ขอเสียบมาใหม่ เมื่อกี้โพสท์ผิด / ยินดีด้วยที่ชอบอ่าน เราอ่านมาตลอดชีวิต เก็ฐรักษา ...น่าจะได้เปรียบกว่า e...นะ/

 
At 2:09 PM, Anonymous Anonymous said...

บ้านใหม่นี้น่าอยู่ ดูสะอาดเรียบร้อยสวยงาม มาตรฐานดี น่าสนใจ แต่มีคนผ่านเยี่ยมน้อย เพราะ.??
หรือเฉพาะกลุ่มคนหนึ่ง ภาษาหนึ่ง ไทยน้อย เทศมาก ...หรือไม่

 
At 12:53 AM, Blogger hospitalgirl said...

สวัสดียามดึกค่ะคุณ someone..คุยถึงเรื่องผิวกระดาษ..จริงๆแล้ว กระดาษมีหลายชนิดนะคะ แต่ละผิว สัมผัสแล้วแตกต่างกัน...เมย์ชอบกระดาษรีไซเคิลค่ะ ชอบสีแบบนั้น ไม่ค่อยชอบกระดาษที่ฟอกสีขาวๆเท่าไรนัก..กระดาษมีเสน่ห์นะคะ เห็นด้วย...แต่คอมพิวเตอร์ก็มีเสน่ห์เหมือนกัน 5 5 5...การอ่านหนังสือก่อนนอน หลายคนทำแบบนั้นนะคะ เมื่อก่อนเมย์ก็ทำค่ะ..แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ทำ...อ่านหนังสือก่อนนอนน่ะดี แต่อย่านอนอ่านนะคะ ระวังสายตาเอียง

 
At 1:13 AM, Blogger hospitalgirl said...

คุณลุง psid คะ..เสียดายที่ไม่เห็นคอมเมนท์ที่บอกว่าโพสต์ผิด อิอิอิ ..เห็นด้วยเรื่องกระดาษสามารถเก็บรักษาได้..คิดว่าง่ายกว่าสิ่งที่เห็บไว้ในคอมพิวเตอร์ค่ะ..ยังไง เมย์ก็เป็นพวกอนุรักษ์นิยมอยู่ดี

สำหรับเรื่องที่ ชมบ้านหลังนี้ ขอขอบคุณและน้อมรับค่ะ..มาตรฐานคงเกิดจาก การที่มีผู้คนมาใช้บริการเยอะมั้งคะ ทางเว็บเลย ปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ...ส่วนเรื่องที่ว่าคนมาเยี่ยมน้อย เมย์เปรียบกับการอยู่อาศัยในชีวิตจริงค่ะ ถ้าเราอยู่ที่ชุมชนไหนนานๆ เพื่อนบ้านเราจะมากขึ้นเรื่อยๆ มีโอกาสที่จะสร้างมนุษยสัมพันธ์กับคนมากขึ้นๆ แต่หากเราย้ายมาอยู่ในชุมชนใหม่ เอาง่ายๆ เหมือนย้ายไปอยู่ต่างประเทศ เพื่อนบ้านในชุมชนเก่า อาจไม่สะดวกในการเข้ามาเยี่ยมเยียน ..เพื่อนบ้านใหม่ก็ไม่ใช่คนไทยด้วยกัน :) แรกๆก็น้อยใจเหมือนกันนะคะ อยากกลับไปเขียนที่เก่า พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ หนูก็ทำใจให้ยอมรับมัน และเมื่อยึดมั่นในเจตนารมณ์เดิมแล้ว บวกกับยังรักการเขียน เลยไม่ย้ายกลับค่ะ..ขอเขียนและพัฒนาการเขียนของตัวเองไปเรื่อยๆค่ะ..ไม่มีใครอ่านก็คงไม่เป็นไรมั้งคะ..เก็บไว้อ่านเองคงไม่เป็นไร :)...ขอบคุณคุณลุงที่แวะเข้ามาเยี่ยมที่บ้านนี้นะคะ

 
At 7:29 AM, Anonymous Anonymous said...

ฝรั่งกับคนเอเชีย นิสัยจะแตกต่างกัน เวลาถามว่าเวลาไปเที่ยวอะไรที่ขาดไม่ได้ ฝรั่งมักตอบหนังสือ แต่คนเอเชียกลับตอบกล้องถ่ายรูป การปลูกฝังนิสัยรักการอ่านคงต้องเริ่มตั้งแต่ยังเล็ก น่าเสียดายที่เกมคอมพวเตอร์ และทีวี ทำลายจินตนาการของคนเราไปเสียหมด

 
At 12:22 PM, Anonymous Anonymous said...

แต่ละอย่าง ก็มีข้อดีแตกต่างกันไป เท่าทุกวันนี้ ก็ยังรัก ยังผูกพันอยู่กับหนังสือ ^__^ อาจเพราะคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ก็เลยยังไม่มีเว็บโปรด ที่อยากจะทนุถนอม แล้ววางไว้ข้างตัวให้หลับฝันดี

 
At 3:00 PM, Anonymous Anonymous said...

ขึ้นอยู่กับความชอบและความสะดวกของแต่ละคน // แต่รักการอ่าน ไม่ว่าที่ไหน ๆ ก้มีประโยชน์และคุณค่าเสมอ

 
At 11:46 AM, Blogger hospitalgirl said...

คุณ ต้นข้าว คะ..งั้น เมย์ก็มีรสนิยมในทางฝรั่งสิคะ 5 5 5...เอาเป็นว่าเฉพาะการอ่านหนังสือค่ะ ..หลายครั้งที่อ่านหนังสือ ทำให้รู้สึกว่า เราถูกดึงเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง แต่สำหรับเรื่องของจินตนาการ คอมพิวเตอร์ก็ทำให้เกิดจืนตนาการได้นะคะ แต่คิดว่า เป็นจินตนาการ คนละแบบกับหนังสืออย่างแน่นอน :)

 
At 11:48 AM, Blogger hospitalgirl said...

คุณ Anonymous คะ.....ที่บอกว่าวางหนังสือไว้ข้างตัว แล้วหลับฝันดี...เลือกด้วยนะคะ อย่าเอาหนังสือเรื่องผีมาวางข้างตัวก่อนนอน ไม่งั้นหลอนแน่ๆ อิอิอิ

 
At 11:49 AM, Blogger hospitalgirl said...

เห็นด้วยค่ะคุณ เลดี้ ทุกสิ่งย่อมมีสองด้านเสมอ จะมีประโยชน์หรือโทษ ก็ขึ้นอยู่กับคนที่เลือกใช้

ขอบคุณที่แวะเข้ามานะคะ

 

Post a Comment

<< Home