Monday, April 24, 2006

..อยู่ที่ใจ..




สัปดาห์ที่ผ่านมาชีพจรลงเท้าค่ะ..

ไม่ค่อยได้อยู่เป็นที่เป็นทางตั้งแต่สงกรานต์แล้วล่ะ จากที่ได้บอกว่าเดินทางไปต่างจังหวัด3-4วัน อันที่จริงใช้เวลาพักผ่อนน้อยนิดมาก เวลาส่วนใหญ่อยู่บนท้องถนน ใช้เวลาอยู่บนท้องถนน เป็นเวลาเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงที่ไม่ใช่เทศกาล ยังค่ะยังไม่พอ กลับมาแล้ววันรุ่งขึ้นก็ต้องตื่นแต่เช้ามืด เตรียมตัวเดินทางไปเข้าค่าย ดังที่เรียนให้ท่านผู้อ่านทราบตั้งแต่บล็อคที่แล้ว

ไปฝึกการรับคำสั่งมาสองวันเต็มๆ กลับมาพักผ่อน เนื่องจากไม่สามารถไปทำงานได้ เพราะเหตุที่ว่าขาเดี้ยง ฉะนั้น ดิฉันจึงใช้เวลาอยู่กับที่หนึ่งวันเต็มๆ วันต่อมาความซ่ามันกลับมาเยือน ในวันเดียวกันนั้นดิฉันไปเดินเที่ยวสำเพ็ง จากนั้นไปร.พ.ศิริราชต่อ ยังค่ะ ยังไม่จบแค่นั้น ยังต้องไปทำธุระแถวซอยละลายทรัพย์อีก (ค่อยยังชั่วที่วันนั้น ทรัพย์ยังไม่ละลาย อิอิ) ที่ไปหลายที่หลายทาง ดิฉันถือคติที่ว่า "หนามยอกเอาหนามบ่ง" ปวดขา ต้องไปเดิน เผื่อจะได้หายปวด เพราะ ลบคูณลบ ยังเป็นบวกเลย (แล้วมันเกี่ยวอะไรกันนี่!!)

คิดดูและนึกภาพตามสิคะว่า การไปเดินแถวสำเพ็งนั้น ถ้าไม่หิ้วของพะรุงพะรังก็คงแปลกล่ะ ที่นั่นมีแต่ของประเภทที่ขายส่ง ดังนั้นของแต่ละอย่างมักจะขาย 3ชิ้น หรือเป็นโหล ซื้อชิ้นเดียวมันไม่คุ้มราคาค่ะ เห็นคนที่ไปเดินที่นั่นส่วนใหญ่มักจะซื้อของไปขายต่อ ไม่ได้ไปเดินแถวสำเพ็งนานแล้วเหมือนกัน เมื่อก่อนแถวนั้นจะร้อนมาก วันนั้นไม่ยักกะร้อนแฮะ ร้านรวงแถวนั้นติดแอร์กันเกือบหมดแล้ว เดินไปไอเย็นจากแต่ละร้านก็เผื่อแผ่มาข้างนอกด้วย ร้านที่ขายผ้าก็ไม่มีแล้ว อาจจะเป็นเพราะกระแสนิยม ไม่มีใครที่นิยมจะตัดเสื้อผ้าใส่กันแล้ว เดี๋ยวนี้นิยมซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปใส่กันดีกว่า สะดวกดี

ร้านค้าแถวสำเพ็ง ส่วนใหญ่จะขายเครื่องประดับ พวกต่างหู นาฬิกา ที่คาดผม กระเป๋า รองเท้า หรือของกระจุกกระจิกทั้งหลายแหล่ น่าซื้อทีเดียว แต่วันที่ไปนั้น ต้องรีบเดินรีบซื้อ ธุระเยอะ เลยอด คิดว่าวันหน้าน่าจะมีโอกาสไปอีก สินค้าดูไม่แตกต่างจากห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆนัก ถ้าเลือกให้ดี ที่สำคัญราคาถูกกว่ากันเยอะ

ถึงเวลาที่จะต้องไปที่ร.พ.ศิริราช ไปนั่งรอเวลาที่ร้านขายยาที่ตึกสยามมินทร์เปิดประมาณหนึ่งชั่วโมง สังเกตรอบตัวเห็นอะไรหลายอย่างที่แตกต่างจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆที่ตัวเอง พบอยู่ทุกวี่ทุกวัน ตั้งแต่บอร์ดที่มีคำอธิบายเรื่อง สิทธิการเบิกของผู้ป่วย เช่น 30บาทรักษาทุกโรค เป็นต้น (ดิฉันยังพูดเล่นกับคนใกล้ตัวเลยว่า " ดิฉันไม่เสียสักบาทแต่รักษาทุกโรคได้เหมือนกัน" นี่ถ้าหากใครมาได้ยินคงถูกหมั่นไส้ได้ง่ายๆ) หรือไม่ก็สภาพแวดล้อมของ ร.พ. และสภาพของบุคลากรที่ทำงานในที่นั้น รวมทั้งผู้มาใช้บริการด้วย น่าเห็นใจเหมือนกันนะคะ

วันต่อมาขอไปนั่งเล่นแถวสวนรถไฟเสียหน่อย เพราะดูเหมือนชีวิตจะวุ่นวายเหลือเกิน จริงๆลิ่งนี้คือข้ออ้างค่ะ แฮ่!! แท้ที่จริงแล้วตั้งใจไปดูชมพูพันธุ์ทิพย์ต่างหาก เห็นบนทั่วเมืองแล้ว คิดว่าที่สวนรถไฟคงบานเหมือนกัน ก็ไม่ผิดหวังดังที่คิด ขอไปนั่งสงบๆ ดูดอกไม้ในสวนดีกว่า หากแต่ว่าไปนั่งได้ไม่นานนัก เพื่อนของคนใกล้ตัวชวนพวกเราไปรับประทานอาหารมื้อเย็นกัน ตกลงไปร้านอร่อยแถวพระรามเก้า จบการทางอาหารมื้อนั้น พวกเราก็ตกลงกันที่จะไปถนนข้าวสารต่อ เอ้า!!ไปก็ไป

ราตรีบนถนนข้าวสาร ผู้คนมากมายเดินสวนกันไปสวนกันมา บ้างก็ซื้อของที่ขายอยู่ข้างทาง บ้างก็ขายของ บ้างก็เดินไปยกเบียร์ดื่มไปตามทาง บ้างนั่งจิบเบียร์ ดื่มเหล้าอยู่ริมถนน เสียงดนตรีกระหึ่ม ออกมาจากร้านเหล้าบางร้าน ผู้คนในร้านก็โยกไปตามเสียงดนตรี ถนนสายนี้ดูสับสนและวุ่นวาย กลับบ้านแล้ว ดิฉันนึกถึงบรรยากาศที่ตนเองพบประสบมา เสียงดนตรีที่กระหึ่ม ยังคงก้องอยู่ในหัว

รุ่งขึ้น ไปสงบจิตสงบใจในโบสถ์ บ่ายแล้วขอไปที่สวนรถไฟอีกสักครั้งบรรยากาศ เมื่อคืน กับบรรยากาศวันนี้ช่างแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ดิฉันปูเสื่อใต้ร่มไม้ นั่งมองกลับดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ค่อยๆร่วงหล่นลงบนพื้นหญ้า แสงแดดยังคงสาดแสงแรงกล้า รอบตัวยังคงมีลมเย็นๆพักมาให้คลายร้อนได้บ้าง ข้างกายมีคนที่เรารักนั่งอยู่ด้วย บรรยากาศแบบนี้ ความสงบแบบนี้คือสิ่งที่ดิฉันเลือกแล้ว

ความสุขที่หาได้ไม่ยากนักและอยู่ไม่ไกลจากตัวเราเลย ไม่ต้องไขว่ ไม่ต้องคว้า ความสุข หรือความทุกข์นั้น เกิดได้ ดับได้ ที่ใจเรานั่นเอง

แล้วความสุขของท่านผู้อ่านล่ะคะอยู่ที่ไหน?..


( ภาพ : Dinner Call โดย Barton Dawna )

5 Comments:

At 10:22 AM, Anonymous Anonymous said...

http://b-e-n-t-o-san.blogspot.com/

 
At 9:20 PM, Blogger hospitalgirl said...

ถึงตู่..เข้าไปเยี่ยมบล้อคแล้วนะ..แต่ไม่ทันได้เซ็นต์ชื่อ..ด้วยความรีบ แหะ แหะ..ดีใจด้วยนะคะกับความรักครั้งใหม่..รักษาไว้ให้ดีล่ะ อย่าทิ้งอย่าขว้างเน้อ

 
At 9:24 PM, Blogger hospitalgirl said...

คุณลุงคะ..จริงๆ หลายครั้งเราก็มักจะลืมไปว่าสุขหรือทุกข์มันอยู่ที่ใจของเราเองทั้งสิ้น..เมยืก้เปลอเหมือนกันค่ะ..อ้อ!เพลงเนี่ยช่วยได้ดีเหมือนกันนะคะ วันไหนที่ใจเราไม่สงบ เครียด หรืออะไรก็ตาม ฟังเพลงบรรเลงเย็นๆ ช่วยได้เยอะค่ะ คุณลุง (ขอโทษนะคะ ในบล็อคนี้ไม่มีเพลงบรรเลง หนูไม่ได้เปลี่ยนเพลงซักกะที)..เมื่อวานนี้คนใกล้ตัวของหนูเครียด หนูเปิดเพลงบรรเลง (จากขุนเขา) ให้ฟัง ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเชียวค่ะคุณลุง :)...คุณลุงสบายดีรึเปล่าคะ?

 
At 7:54 AM, Anonymous Anonymous said...

ความสุขอยู่รอบๆ ตัวเราถ้ารู้จักหยิบมาให้ถูกและมีความเพียงพออยู่ในใจ ส่วนตัวแล้วความสุขมักจะอยู่ที่บ้าน แต่บางทีการเดินทางก็ให้ความรู้สึกเป็นสุขที่แตกต่างกันไปนะ อาหารเรายังชอบหลายรสชาติเลย แล้วชีวิตเราจะมีรสเดียวได้ไงเนอะ ;-)

 
At 2:01 PM, Blogger hospitalgirl said...

เห็นด้วยทุกประการเลยค่ะคุณ someone ..เพิ่มเติมนิดนึงด้วยความแปลกใจว่า บางคนมีความสุขได้ง่ายๆ แต่บางคนมีความสุขได้ยากมาเลยนะคะ

 

Post a Comment

<< Home