Monday, May 15, 2006

..เที่ยวเขาค้อ ตอนที่ 1..

ท่านผู้อ่านโหยหาวันหยุดกันบ้างรึเปล่าคะ ? ..

บางคนอาจจะบอกว่า เพิ่งหยุดยาวมาหยกๆ จะมาโหยหาวันหยุดอีกทำไม

รู้สึกเหมือนกันบ้างไหมว่า ทั้งๆที่หยุดหลายวัน แต่พอถึงกำหนดที่ต้องทำงาน พวกเรายังไม่มีแก่ใจที่จะกลับไปทำงาน กลับโหยหา และไม่อยากให้วันหยุดนั้นผ่านล่วงไปเลย วันหยุดมีไว้เพื่อให้เราพักผ่อน เตรียมร่างกายที่จะกลับมาลุยงานหนักเหมือนเดิมได้เต็มที่ เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องใช้แบตเตอรี่ บางครั้งเราต้องหยุดพักการใช้งานชั่วคราว เพื่อเต็มพลังงานให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นนั้นๆ ฉันใดก็ฉันนั้น เหมือนกับร่างกายของมนุษย์เรา ถ้าหักโหม ไม่หยุดพักเสียบ้าง ร่างกายก็คงไปต่อไม่ไหวเป็นแน่

วันหยุดที่ผ่านมา หลังจากครบรอบวันเกิด ด้วยความที่มีแพคเกจท่องเที่ยวอยู่ในครอบครอง ๒ ใบ ระหว่างทะเลกับภูเขา คุณจะเลือกไปที่ไหน หลายคนคงคิดคำตอบในใจว่า ทะเล ดิฉันก็เช่นกัน ครั้งแรกที่คิดไว้คือไปเที่ยวทะเลดีกว่า เพราะมีแพคเกจของโรงแรมโนโวเทล ริมเพ ด้วย แต่พอจองเวลาที่จะไปพักผ่อนที่นั่นปรากฏว่า ห้องเต็มหมด เพราะเป็นช่วงเทศกาล พอดี ดังนั้นอีกหนึ่งแพคเกจก็เป็นหนทางสุดท้ายที่ต้องเลือก นั่นก็คือไปเที่ยวภูเขา

ดิฉันไม่เคยขับรถไปในเส้นทางที่ไม่เคยไป ที่นี่เคยไปแล้ว แต่ไปเมื่อ๒๑ปีที่แล้ว สถานที่ว่านั่นก็คือ เขาค้อ ค่ะ พวกเราไปพักที่ เขาค้อวาเล่ย์ ระหว่างที่ขับรถไป จะดูแผนที่และสังเกตหมายเลขของทางหลวงตลอด คอยดูหลักกิโลเมตรเป็นระยะๆ ดูว่าจะต้องเลี้ยวตรงแยกไหน ระหว่างทางที่ขับรถไป ถึงแม้ว่าจะเป็นทางขึ้นภูเขา แต่ดิฉันก็สังเกตเห็นต้นไม้ที่ดูสมบูรณ์งดงามอยู่ทั่วภูเขา เชื่อแล้วล่ะค่ะว่า สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยอยู่ที่นี่เอง

บ่อยครั้งที่เราตั้งหน้าตั้งตาเดินไปสู่จุดหมาย โดยที่ไม่สนใจความสวยงามของสองข้างทาง และแล้วกว่าจะรู้ตัวเราก็จะพลาดบางสิ่งบางอย่างไปโดยที่เราย้อนกลับไปในเวลานั้นไม่ได้อีกแล้ว

พูดถึงรีสอร์ทที่ไปพักกันต่อดีกว่า ดิฉันมาทราบในภายหลังว่า รีสอร์ทแห่งนี้เปิดมาเป็นเวลา ๓๐ ปีเห็นจะได้ ดิฉันเชื่อค่ะ เพราะต้นไม้ดูสมบูรณ์มาก ที่นี่ทำบ้านพักมีทั้งหลังเล็ก และหลังใหญ่ บ้านแต่ละหลังมีชื่อเรียกเช่น ชมตะวัน เคียงดาว จันทร์ผา เป็นต้น ทำเลของบ้านแต่ละหลังอยู่บนภูเขา เนินเขา หรือไม่ก็ที่ราบใกล้กับทะเลสาบ ห้องอาหารจะอยู่ข้างบนเนินเขา ถ้าอยากออกกำลังขาก็ต้องเดินไป แต่ถ้าไม่อยากเหนื่อยก็ขับรถขึ้นไป

ดิฉันว่าเจ้าของรีสอร์ท นี้ทำรีสอร์ทด้วยใจ ต้นไม้แต่ละต้นได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี บ้านแต่ละหลังถึงแม้จะไม่มีแขกมาพักก็ได้รับการดูแลอย่างเอาใจใส่ กระจกแต่ละบานไม่มีฝุ่นเกาะเลย

จากการที่เข้าพักที่นี่ สามวัน สองคืน พวกเรารับประทานอาหารที่นี่แทบทุกมื้อ อาหารที่แนะนำในเมนู เช่น ยอดฟักแม้วผัดน้ำมันหอย ฟักแม้วผัดไข่ หรือไม่ก็ ไก่ทอด (ไก่ทอดของที่นี่อร่อยมากๆ ขอบอก) และอื่นๆอีกมากมาย ห้องอาหารที่อยู่บนเนินเขา ทำให้พวกเรามองเห็นบรรยากาศโดยรอบได้ ไกลออกไปจะเห็นภูเขาลูกอื่นๆ บนห้องอาหารนี้ติดโมบายระฆังเล็กเสียงกรุ้งๆกริ้งๆ ฟังดูคล้ายๆกับเวลาที่เราไปเดินเที่ยวบริเวณวัดพระธาตุดอยสุเทพยังไงยังงั้น


แค่นั่งรับประทานอาหารก็รู้สึกดื่มด่ำและถูกกลืนเข้ากับกับบรรยากาศธรรมชาติ จนไม่อยากกลับเข้าสู่โลกแห่งความจริงเอาเสียเลย ยิ่งคืนเดือนหงาย พระจันทร์บนภูเขาช่างสวยสดงดงามเหลือเกิน มองพระจันทร์ มองแล้วก็ต้องมองอีก เหมือนต้องมนตรา อากาศเย็นๆ พระจันทร์สวยๆ งดงามเกินจะเอ่ย ไม่อยากให้เวลาแห่งความสุขเช่นนั้นผ่านไปเลย

เฮ้อ!! ทำไงได้ล่ะ.. เนาะ ..

(เรื่องของเขาค้อ ยังมีต่อนะคะ)



( ภาพ : Summer Swing โดย Zolan Richard )

0 Comments:

Post a Comment

<< Home