Thursday, May 18, 2006

..ปัจจัยที่ 5 ?!!?..


เมื่อวานนี้สัญญาณโทรศัพท์ล่มอีกแล้ว ..

พยายามติดต่อกับหมอเพื่อจะรายงานผลการตรวจของคนไข้ ติดต่อยังไงก็ติดต่อไม่ได้ เกือบสามชั่วโมงกว่าโทรศัพท์จะใช้การได้

หลายคนอาจจะสงสัยว่าไม่มีวิธีอื่นอีกหรือนอกจากการใช้โทรศัพท์มือถือ ประเด็นนี้ของตอบว่ามีค่ะ แต่ ณ เวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ที่บ้าน ก็ไม่มีผู้รับสาย เวลานั้นมันเป็นเวลาทำงานนี่คะ ไม่มีคนอยู่บ้านก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ติดต่อไปยังโรงพยาบาลต้นสังกัด ปรากฏว่าโทรศัพท์หมายเลขที่คุณหมอท่านนั้นได้ให้ไว้ ใช้การไม่ได้อีก โชคดีที่ไม่ใช่เรื่องด่วนนัก ขืนเป็นเรื่องด่วน ก็คงลำบาก

อันที่จริงแล้วทางโรงพยาบาลมีมาตรการอื่นอยู่แล้ว หากติดต่อแพทย์เจ้าของไข้ไม่ได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจริงๆ แพทย์เฉพาะทางที่อยู่ในโรงพยาบาลในขณะนั้นแหละ ที่จะถูกพยาบาลตามตัว ตัวพยาบาลเอง หรือทางโรงพยาบาลคงไม่ปล่อยให้คนไข้อยู่ในอันตรายแน่นอน

กลับเข้าสู่ประเด็นเรื่องโทรศัพท์กันต่อดีกว่า ดิฉันว่าช่วงนี้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ สองสามครั้งแล้วนะคะ แปลกดี ไม่ทราบเกิดอะไรขึ้น ลำบากเหมือนกัน หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา ตอนที่ดิฉันพยายามติดต่อหมอยิ่งแล้ว เกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาเป็นอย่างมาก เคยไหมคะ โทรติดต่อใครแล้ว โทรไม่ติดเนี่ย (ถ้าเป็นแฟนกัน ก็คงงอนไปหลายวันแล้วล่ะ)

หลายวันก่อน ตอนที่คุณปู่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ดิฉันก็ถกประเด็นเรื่องนี้กับท่านอยู่ ท่านอายุ84ปีแล้ว แต่เชื่อไหมคะ ว่าคุณปู่เป็นโรคติดโทรศัพท์มือถือเหมือนกัน (คุณปู่ของดิฉันท่านทันสมัยมิใช่เล่น ว่างๆ ท่านก็ชวนคุย แล้วก็สอนภาษาอังกฤษไปด้วย ) ตอนที่นอนป่วยอยู่ ก็ไม่ยอมให้โทรศัพท์มือถืออยู่ห่างตัวเลย ลูกๆหลานๆแต่ละคนก็เป็นงงสิคะ

ท่านคุยจนแบตเตอรี่หมดค่ะ ตอนที่แบตฯ หมดท่านล่ะหงุดหงิด อย่างเห็นได้ชัด ระหว่างที่รอสายชาร์ท ละก้อ โห!! ซึมไปเลย ดิฉันนี่แหละ ต้องชวนพูดชวนคุยเรื่อยเปื่อย ท่านบ่นให้ฟังเรื่องที่ไม่ยอมกลับไปเอาสายชาร์ทมาให้ ดิฉันก็เลยถามท่านว่า สมัยก่อนตอนที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือล่ะ เราติดต่อกันยังไง ? (อันที่จริงในห้องพักของคนไข้ ก็มีโทรศัพท์ค่ะ แต่ดิฉันไม่ให้ท่านใช้เองแหละ ) ท่านก็เถียงว่า มันคนละยุคคนละสมัยกัน

ดูสิคะ คนอายุขนาดนั้นยังติดโทรศัพท์มือถือ บางคนก็ใช้โทรศัพท์เหมือนกับเป็นของเล่น บ้างก็บอกว่าโทรศัพท์คือปัจจัยสำคัญในชีวิต ส่วนตัวดิฉันเอง บ่อยครั้งที่ลืมพกโทรสัพท์มือถือ ยิ่งวันหยุดยิ่งแล้ว ไม่เคยสนใจเลยค่ะ ลืมอยู่บ่อยๆว่าเอาไปวางไว้ที่ไหน รู้สึกอยากเป็นอิสระค่ะ วันหยุดอยากจะพักผ่อนจริงๆ ไม่อยากคุยเรื่องงานเลย ให้ตายเถอะ ทำให้ บ่อยครั้งที่คนโทรมารู้สึกหงุดหงิดจากการที่ติดต่อกับดิฉันไม่ได้

โทรศัพท์ออกมาใหม่เยอะแยะไปหมด ตามรุ่นไม่ทัน ยิ่งเดี๋ยวนี้ โทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ไม่เหมือนโทรศัพท์เลย หน้าที่การใช้งานมากกว่าเป็นโทรศัพท์ธรรมดา ที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสาร บางคนคุยกับคนที่อยู่ปลายสายมากกว่าคนที่อยู่ข้างกายเสียอีก

เมื่อก่อนเทคโนโลยีไร้สาย ไม่แพร่หลายเหมือนปัจจุบัน ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวนั้นใกล้ชิดกว่าผู้คนในสมัยปัจจุบัน แต่พอเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามา ความสัมพันธ์ในครอบครัวกลับห่างเหินมากขึ้นทุกวันๆ

สรรพสิ่งทุกสิ่งนั้นมีทั้งด้านดี และด้านไม่ดี ใช้ให้เป็นก็มีประโยชน์เหลือหลาย แต่ถ้าใช้ไม่เป็นก็ย่อมจะเป็นโทษต่อตัวผู้ใช้อยู่แล้ว เหมือนเหรียญนั่นแหละค่ะ เหรียญมีสองด้าน สรรพสิ่งในโลกก็เช่นกัน

ฉันใดก็ฉันนั้น..

2 Comments:

At 11:12 AM, Anonymous Anonymous said...

จริงจ๊ะ โทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของคนในปัจจุบันซะแล้ว นอกจากจะเพื่อการสื่อสารแล้ว ยังเป็นของเล่น ดูหนัง ฟังเพลง และเครื่องแสดงสถานะทางสังคมอีกอย่างนึงด้วย ส่วนตัวแล้วคงคิดคล้ายๆ กับคุณเมย์ วันทำงานก็จะเป็นอุปกรณ์หนึ่งของการทำงาน ส่วนวันหยุดก็แทบจะไม่พกพาไปไหนมาไหนด้วยเลย บางคนก็ไม่พอใจที่ตามหาไม่พบ (แต่จริงๆ แล้วคนใกล้ชิดมักจะตามหาไม่ยาก)และมักจะโดนต่อว่าเสมอ ก็ได้แต่บอกว่าแบตหมด ...อิอิ เลยได้ฉายา...แบตหมด ^__^

 
At 3:44 AM, Blogger hospitalgirl said...

ต่อไปขอเรียก ฉายา "แบตหมด" ได้มั้ยล่ะคะคุณ someone 5 5 5 ล้อเล่นนะคะ // เมย์ว่าคนติดโทรศัพท์เพราะความเหงามากกว่า คนสมัยนี้ขี้เหงาค่ะเมย์ว่า..พวกเขาคิดว่า โทรศัพท์คือสิ่งหนึ่งที่มาเติมเต็มให้ชีวิตของพวกเขา ซึ่งแท้ที่จริงนั้น มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย :)

 

Post a Comment

<< Home