Wednesday, May 17, 2006

..ผลประโยชน์..

หลายคนคงเคยเดินทางไปจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาแล้ว ..

ปกติแล้วการเดินทางไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถ้าเดินทางโดยรถยนต์ จำเป็นต้องใช้ทางหลวงที่ผ่านจังหวัดสระบุรี สังเกตกันไหมคะว่า ทางหลวงสายนั้น ไม่ได้ราบเรียบสมกับเป็นทางหลวงแผ่นดินเลย

โดยเฉพาะเส้นทางบริเวณที่ต้องผ่านช่องเขา ช่องทางด้านซ้ายมือสุดจะเป็นร่องลึกลงไปเป็นแนวยาว คาดว่ามีเหตุเนื่องมาจาก รถบรรทุกแน่นอน ดิฉันไม่เลือกใช้ช่องทางดังกล่าวค่ะ แต่เลี่ยงไปใช้ช่องทางด้านขวามือดีกว่า เพราะการขับรถบนถนนที่ไม่เรียบนั้น อย่างแรก รถเราจะพังเร็ว อีกประการหนึ่ง ก็คือันตรายต่อผู้ขับขี่เอง อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ

หงุดหงิดเหมือนกัน กับการที่ต้องขับรถในถนนลักษณะดังกล่าว แต่คำถามมีอยู่ว่า จะไปหงุดหงิดกับใคร เวลานั้นก็ได้แต่บ่นเท่านั้น (จริงๆ บางคนอาจจะเรียกได้ว่า “ด่ากราด” ไปทั่วได้เช่นกัน เหมือนอย่างดิฉันเป็นต้น)

เราจะเห็นว่าถนนหนทางในบ้านเรา ถูกกลบ ถูกขุด ถูกปรับปรุง ทำแล้วทำอีก ไม่มีวันสิ้นสุด เดินทางไปไหน ไปทิศทางใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้อน หน้าหนาว หน้าฝน ถนนก็ยังถูกขุด ถูกกลบ ไม่รู้จักเสร็จจากสิ้นเสียที ดิฉันมานั่งคิดว่า ถนนบ้านเราไม่ได้มาตรฐานกระนั้นหรือ? หรือไม่คนที่ใช้รถ ใช้ถนน ก็ไม่รู้จักรักษาถนน กัน

ทางหลวงที่เป็นเส้นทางไปยังจังหวัดสระบุรี แทบทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า โดยรอบของทางหลวงสายนั้นเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย และแน่นอนว่ามีรถบรรทุกเทียวเข้า เทียวออกอยู่มิได้ขาด ปกติแล้วหน่วยงานราชการกำหนดมาตรฐานเรื่องการบรรทุกน้ำหนักของรถแต่ละคันอยู่แล้ว

ระหว่างที่เดินทางนั้นดิฉันก็สังเกตเห็นด่านตรวจเรื่องการบรรทุกของรถประเภทนี้ด้วย ขับรถไปก็งงไปว่า ทั้งๆที่ตรวจแล้ว แต่ทำไมถนนก็ยังชำรุดจากรถบรรทุกอีก ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าให้บรรทุกไม่เกินกี่ตันแล้ว จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า ที่กำหนดไว้สองตัน แต่มีผู้เรียกร้องว่าให้เพิ่มขึ้นเป็นสามตันด้วยซ้ำ เนื่องจากข้ออ้างที่ว่า ไม่อยากจ่ายค่าน้ำมันเพิ่มอีก ( งบประมาณบำรุงถนนหนทางกับเรื่องน้ำมันนี่ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า อันไหนมากอันไหนน้อย)

เรื่องรถบรรทุก บรรทุกน้ำหนักเกินนั้นก็เป็นประเด็นหนึ่ง ดังที่บอกไป แต่เท่านั้นยังไม่พอ รถบรรทุกแต่ละคันโดยส่วนใหญ่แล้ว เมื่อบรรทุกของ มักจะไม่คลุมสิ่งที่ตัวเองบรรทุกไว้ ดิฉันไม่ค่อยกล้าขับรถตามรถบรรทุกค่ะ บางคัน บรรทุกหิน แต่ไม่มีผ้าคลุม หินกระเด็นกระดอนมาโดนกระจกรถก็มี วันก่อนก็โดนค่ะ แต่โชคดีขับรถไม่เร็วนัก กระจกไม่แตก นี่ถ้าใช้ความเร็วมากกว่านี้ กระจกแตกแน่ๆ และรถบรรทุกคันนั้นคงไม่รับผิดชอบแน่ๆเหมือนกัน

แย่นะคะ ว่าทางราชการไม่มีมาตรการที่เข้มงวด สำหรับการตรวจตรา เรื่องดังกล่าว ด่านตรวจมีไว้เพื่ออะไร สิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ หากไม่รู้จักใช้ให้คุ้มค่า กฏหมายที่บัญญัติขึ้นมา ไม่มีประโยชน์ถ้าไม่เคารพกฏหมาย ผู้รักษากฏหมายก็มีอยู่แต่ถ้าไม่รู้จักทำหน้าที่ของตนเองให้ดี บ้านเมืองก็คงวุ่นวายอยู่อย่างนี้เรื่อยไป

ผลประโยชน์น่ะ ทุกคนก็ต้องการทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหน แต่ผลประโยชน์นั้น หากได้มาแล้ว สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องร่วมชาติ ร่วมโลกอีกมากมาย คนที่ได้รับผลประโยชน์นั้นคงอยู่อย่างไม่เป็นสุขแน่ๆ

ชีวิตมนุษย์นั้นสั้นนัก ดำเนินชีวิตให้เป็นสุขโดยไม่สร้างความทุกข์ให้กับคนอื่น น่าจะดีกว่า

จริงมั้ยคะ ..

2 Comments:

At 1:36 PM, Anonymous Anonymous said...

ดูเหมือนว่า คำว่า ผลประโยชน์ กับ คุณธรรม จะอยู่กันคนละขั้วเลยนะกับเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่มีคุณธรรมมากกว่ากัน ระหว่างผู้รับเหมาสร้างทาง เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ หรือว่าเจ้าของรถบรรทุก ถ้าทุกคนทำตามหน้าที่ของตนอย่างมีคุณธรรม โลกเราคงจะมีความสุขกันมากกว่านี้ :-) สวัสดีวันเกือบสุข

 
At 3:23 AM, Blogger hospitalgirl said...

สรุปแล้ว เรียกว่า ไม่มีจรรยาบรรณกันมากกว่าค่ะคุณ someone :)

 

Post a Comment

<< Home