Saturday, May 27, 2006

..ไม้อ่อนดัดง่าย..


แมงมุมลายตัวนั้น ฉันเห็นมันสงสารเหลือทน ..
วันหนึ่งมันถูกฝน ไหลลงจากบนหลังคา
พระอาทิตย์ส่องแสง น้ำแห้งเหือดจนลับตา
มันรีบไต่ขึ้นฝา หันหลังมาทำตาลุกวาว.. วาว ..วาว

จำกันได้ไหมคะ เพลงนี้ ?

เชื่อว่าเด็กไทยทุกคนต้องเคยร้องเพลงนี้แน่นอน สมัยเรียนอนุบาล คุณครูชอบนำเพลงนี้มาร้องให้เด็กๆอย่างพวกเรา (ในสมัยนั้น) ฟัง แล้วพวกเราก็ร้องตามด้วยความเพลิดเพลิน ไม่แน่ใจว่าเดี๋ยวนี้คุณครูได้นำเพลงนี้มาสอนเด็กๆกันหรือเปล่า

ในวันที่ฝนตกวันหนึ่ง อยู่ๆ นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาได้ยังไงไม่ทราบ เข้ากับบรรยากาศฝนตกกระมังคะ อันที่จริงเพลงนี้แปลมาจากภาษาอังกฤษ ที่เรียกว่า nursery rhymes ซึ่งเป็นกลอนหรือเพลงที่เด็กรู้จักกัน เพื่อที่ว่าเด็กๆจะได้เรียนวัฒนธรรมไปพร้อมๆกันด้วย เพลงนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Incy Wincy spider ค่ะ เนื้อเพลงมีอยู่ว่า

Incy Wincy spider
Climbed up the water spout;
Down came the rain
And washed the spider out.
Out came the sunshine
And dried up all the rain;
Incy Wincy spider
Climber up the spout again

เพลงสำหรับเด็กนี้ เข้าใจว่าคนแต่งคงอยากให้เด็กรู้จักแมงมุมรวมทั้งความเป็นไปของธรรมชาติ เช่นฝนตก แดดออก หรือไม่ก็อยากจะสร้างจินตนาการของเด็ก อีกทั้ง ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ ระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กให้ใกล้ชิดกัน

หากคุณพ่อคุณแม่ ร้องเพลงให้ลูกฟังหรือร้องคลอตามไปด้วย ก็จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ใจเย็นลง เมื่อร้องเพลงจบ ไม่ใช่ต่างคนต่างแยกกันไป แต่เพลงเด็กเหล่านี้จะทำให้เกิดเรื่องพูดกันระหว่างและหลังการฟังเพลง หรือสิ่งรอบตัวบางสิ่งบางอย่างที่อยู่รอบตัวเรา ก็สามารถนำมาสอดแทรกเข้าไปเพื่อสอนเด็กได้ ซึ่งช่วยให้เขารับรู้ได้ดี

สมองของเด็กช่วงนี้มีการพัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่งั้น ถ้าไม่พัฒนา ดิฉันเชื่อว่าเราก็คงไม่จำเพลงแมงมุมลายตั้งแต่บัดนั้นจนถึงเวลานี้ได้หรอกค่ะ เช่นเดียวกับเรื่องเด็กเลี้ยงแกะ จำได้ไหมคะ ว่านิทานสุภาษิตเรื่องนี้เราเรียนกันตั้งแต่เมื่อไร ดิฉันจำได้ ว่าตั้งแต่ชั้นป.1 แล้ว นี่คือความมหัศจรรย์ของสมองมนุษย์ค่ะ

แต่เมื่อมีการพัฒนาการของสมองแล้ว สมองของมนุษย์เราก็มีวันหยุดพัฒนา แต่อาจจะเป็นไปในทางเสื่อมลงได้เรื่อยๆ สังเกตกันอีกไหมว่า เวลาอายุมากขึ้น ความจำมันก็ลดลงเรื่อยๆ นึกอะไรมันก็นึกไม่ค่อยจะออก เคยอ่านตำราบอกว่าความสามารถของสมองมนุษย์เนี่ย ถูกมนุษย์ใช้ไปไม่ค่อยเต็มที่เท่าไรนัก พวกเราจะใช้แค่ 10-20% เท่านั้น แปลกใจเหมือนกัน คงต้องหาวิธีลับสมองกันเสียแล้วมั้ง แต่พอถึงอายุปูนนี้แล้ว คงฉลาดขึ้นไม่ได้อีกแล้วมั้งคะ


ดังนั้นจะปลูก จะฝังอะไรก็ต้องรีบทำตั้งแต่เป็นเด็กค่ะ ไม่อ่อนยังไงก็ดัดง่าย ไม่เหมือนไม้แก่ ดัดยังไงก็ดัดยาก ส่วนขาของแมงมุมลายตัวนั้น จะอ่อนจะแก่ยังไง ก็อย่าไปดัดมันเลยนะคะ

สงสารมัน อิอิ ..



( ภาพ : Ballet Dehearsal โดย Edgar Degas )

12 Comments:

At 2:53 PM, Anonymous Anonymous said...

ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยเห็นช้างรึป่าว..

หนูมาคนแรกอีกแล้ว..
..
จริงคะเรื่องสมอง..ที่พวกเราใช้กันไม่คุ้ม..
หนำซ้ำยังมีพฤติกรรมที่ทำร้ายสมองอีก..
อย่างหนู..เป็นคนนอนดึก..ซึ่งไม่ดีเลย..ทำร้ายสมอง..
..
เสียดายจริงจริงคะ..ที่เราไม่ใช้สมองจนถึงที่สุดของความสามารถ..ที่มี..
หนูก็เสียดาย..
..
ตอนนี้ก็ต้องพยาม..ดูแลไม่ให้สมอง..มันเสื่อมเร็วกว่ากำหนด..กลัวจริงจริงคะ..กลัวกรรมตามทัน..
..
หุๆ

 
At 3:18 PM, Anonymous Anonymous said...

555! เป็นคนรุ่นเดียวกันจริงๆ ร้องเพลงนี้แล้วให้นึกถึงหนังสือ แมงมุมเพื่อนรัก ...
นั้นน่ะสินะ นอกจากอ่านหนังสือลับสมอง ใช้สมองคิดเรื่องต่างๆ แล้วมีวิธีลับสมองอื่นๆ อีกบ้างมั้ยจ๊ะ กินแป๊ะก๊วยจะดีขึ้นมั้ยน๊า ...ตอนนี้ก็เริ่มหลงๆ ลืมๆ บ้างแล้วนะเนี่ย ไม่ฉลาดขึ้นก็ขอให้อย่าถดถอยลงไปกว่าเดิมก็แล้วกันเนอะ :-)

 
At 3:41 PM, Blogger hospitalgirl said...

พี่ก็อดนอนค่ะน้องปัทม์ ท่าทางรอยหยักในสมองพี่คงไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก...ถึงว่าสิ ไม่ค่อยจะฉลาดเลย อิอิ

 
At 3:43 PM, Blogger hospitalgirl said...

คุณ someone คะ พอพุดถึงแมงมุมเพื่อนรัก ก็นึกถึงเรื่อง นิกกับพิมอีกเรื่อง..จำได้มั้ยนี่?( คนแก่คุยกันอีกแล้วครับท่าน) ..เรื่องการกินแปะก้วย หมอไม่แนะนำนะคะ ถ้ากินเยอะ มีโอกาสที่เลือดหยุดยากด้วยค่ะ (ความแข็งตัวของเลือดจะผิดปกติไป )

 
At 4:59 PM, Anonymous Anonymous said...

อุ้ยๆ..
นิกกะพิม หนูได้อ่านนะ..
หนังสือเล่มที่สี่..ในชีวิต..การอ่านเลยคะ..
หนังสือเล่มแรกในชีวิตเป็นหนังสือนิทานอีสป ซึ่งหายไปแล้ว
หนังสือเล่มที่สอง เป็นหนังสือธรรมะสำหรับเด็ก ของท่านพุทธทาส
หนังสือเล่มที่สาม เป็นสุภาษิตคำพังเพย
..
และเล่มที่สี่ คือนิกกะพิมคะ..ชอบมาก..มากที่สุด..
หลังจากสี่เล่มนี้..หนูก็ชอบอ่านหนังสือ..คะ..
แต่..ไม่ชอบ..อ่านหนังสือเรียนนี้สิคะ..ช้ำใจจริงๆ..
..
ว่าไปแล้ว..ชักคิดถึงนิกกะพิมซะแล้วสิ..อิอิ
..

 
At 12:31 AM, Blogger hospitalgirl said...

พี่ก็ไม่ชอบอ่านหนังสือเรียนค่ะน้องปัทม์..สรุปแล้ว เวลาถูกบังคับให้ทำอะไรพี่จะแอนตี้เสมอ อิอิ // สารภาพว่าไม่ชอบอ่านหนังสือไปสอบเลยให้ตายเหอะ

 
At 9:59 AM, Anonymous Anonymous said...

555 ใช่ๆ นิกกับพิมด้วย ยังดีนะที่เราเกิดมาก่อน ถ้าเกิดสมัยนี้คงจะได้อ่านแต่การ์ตูนสารพัดชนิด ลืมหนังสือดีๆ ที่ปลูกฝังสิ่งดีๆ ที่เหมาะสมกับวัยไป
เมื่อก่อนก็ไม่ชอบอ่านหนังสือเรียนเหมือนกัน ... เดี๋ยวนี้ไม่ชอบก็จำต้องทำจ๊ะ :-)

 
At 12:55 AM, Blogger hospitalgirl said...

เดี๋ยวนี้เราทำอะไร มักจะเป็นการฝืนเหมือนกันนะคะ จำเป็นต้องทำ อะไรๆ ก็จำเป็นทั้งนั้น (จริงๆเค้าบอกว่าทำอะไรตามใจคือไทยแท้นี่นา ใช่มั้ยคะคุณ someone อิอิ)

 
At 8:04 AM, Anonymous Anonymous said...

อืม!! เหมือนเป็นการบอกกล่าวความเป็นตัวตนของคนไทยไปเลยเนอะ..ทำอะไรตามใจคือไทยแท้..ลาออกได้มั้ยเนี่ย อิอิ บางทีก็ต้องฝืนทำบ้างล่ะน่ะเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง แต่บางทีก็ฝืนทำด้วpความเต็มใจนะ แล้วแต่กรณี :-) เวรดึกอีกแล้วเหรอ ..อิอิ ระวังแก่เร็วนะ ^___^

 
At 3:10 PM, Blogger hospitalgirl said...

เมย์ว่าไม่ควรจะลาออกค่ะ คุณ someone เพราะ คิดว่าบ้านเรานี่เป็นที่ๆดีที่สุดในโลกแล้วค่ะ เห็นมั้ยคะตอนนี้ แต่ล่ะที่ในโลก มีแต่อะไรก็ไม่รู้..ที่นี่แหละ จริงๆเมย์ก็ดีใจนะคะที่เกิดมาเป็นคนไทย :)

 
At 3:57 PM, Anonymous Anonymous said...

อ่ะ ล้อเล่น... เป็นความภาคภูมิใจนะที่เกิดมาเป็นคนไทย ถึงแม้ว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างทีไม่ถูกใจเราไปบ้างแต่ว่าทุกอย่างอยู่ที่ใจเรานะ จะว่าไปแล้วประเทศไทยอยู่ในที่ที่ดีมากๆ นะ ทั้งสภาพทางภูมิประเทศ-ภูมิอากาศ เราไม่ค่อยมีภัยธรรมชาติมากนักถ้าเทียบกับที่อื่นๆ ในโลก เรามีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ มีกษัตริย์ที่ดีที่สุดในโลก แต่ด้วยความสบายจนเคยตัว เราเลยไม่เคยระวังรักษาสิ่งที่มีค่าของเราไว้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากธรรมชาติ แต่คิดบ้างมั้ยว่ามนุษย์เป็นคนเร่งให้เกิดเร็วขึ้น??
อ่ะ อ่ะ ไม่เครียด เดี๋ยวผิดคอนเซ็บต์ อิอิ :-)

 
At 8:15 PM, Blogger PaTTaMONE said...

โอว..เกือบจะเครียดไปแล้วคะ พี่ someone อิอิ..

 

Post a Comment

<< Home