Tuesday, October 30, 2007

..หนึ่งเสี้ยว..
















Monday, October 29, 2007

..ฝากรูป..





















Thursday, October 25, 2007

..น้องสิงห์จอมซน..








ตุ๊กตาตัวโปรด เก่าแล้ว แต่รักมาก เห็นแล้วทำให้ยิ้มได้ทุกที - เพื่อนๆ เรียก "สิงห์เน่า" อิอิ

Sunday, October 14, 2007

..บุก..



สี่ห้าวันที่แล้วดิฉันถูกพิษไทฟอยด์เล่นงาน..


ดังที่เคยเล่าให้อ่านเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า ไข้สูง ท้องเสีย แล้วต้องนอนให้น้ำเกลือในโรงพยาบาลอยู่สองวัน ครั้งนั้นผลเพาะเชื้อจากอุจจาระยังไม่ออกมา แต่หลังจากสามวันผ่านไป ผลเพาะเชื้อออกมาเป็น Salmonella Typhi Gr.B - ไทฟอยด์นั่นเอง


คุยกับเพื่อนต่างคณะ ที่เคยเรียนในสถาบันเดียวกัน เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อนเคยเป็นโรคนี้เช่นกัน ตอนนั้นนอนให้น้ำเกลืออยู่หนึ่งสัปดาห์ ..เธอไปโรงพยาบาลช้ากว่าดิฉัน สองวันหลังจากมีไข้ ท้องเสียจนลมใส่ เจอถึงได้ลากสังขารไปที่โรงพยาบาล หลังจากฟื้นไข้ผมก็ร่วงเป็นกระจุก โชคดีที่ดิฉันไม่เป็นเช่นกัน เพื่อนบอกว่า ผมดิฉันเยอะ พอร่วงก็ไม่มีผลเท่าไรนัก - ดิฉันบอกว่า เจอ(ยา)เร็วก็หายเร็ว อาการเลยไม่หนักหนา ผมก็เลยไม่ร่วงตามไปด้วย


จริงๆแล้ว เชื้อโรค ตัวที่ก่อให้เกิดโรคไทฟอยด์นี้ มีระยะฟักตัว 3-35วัน (เฉลี่ย 8-14 วัน) ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าไปทานอาหารที่ซื้อจากเจ้าไหน คนทั่วไปบอกว่าเพราะสะอาดเกินไป เลยไม่มีภูมิ แต่คนใกล้ตัวบอกว่า ดิฉันทานไม่เลือกมากกว่า ส้มตำแน่ๆที่เป็นสาเหตุ - อาจจะใช่ เพราะบริโภคส้มตำปูอยู่บ่อยๆ


ถามว่าหายแน่แล้วหรือ คงยัง เนื่องจากยังใช้ยาฆ่าเชื้อควบคุมอยู่ คุณหมอให้มารับประทานประมาณ 1 สัปดาห์ ยาฆ่าเชือพวกนี้ ต้องรับประทานให้ครบ เห็นหลายคนท้องเสีย ทานยาฆ่าเชื้อไปแล้ว พอหายก็เลิก -วิธีนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เชื้อโรคพัฒนาสายพันธุ์ให้มีภูมิ ต้านยามากขึ้นเรื่อยๆ พอมีอาการครั้งต่อไป กินยาก็ไม่หายแล้ว ต้องใช้ยาที่แรงขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดยาตัวไหนก็จะเอาไม่อยู่


ท้องร่วงนั้น อาจจะมีสาเหตุมาจากเชื้อโรคได้สารพัด ไม่ว่าจะเป็น บิด อหิวาห์ หรือไทฟอยด์ก็ตาม คุณหมอต้องใช้ยาให้เหมาะกับเชื้อ และที่กล่าวไปในเรื่องของยา หากเรารับประทานยาไม่ครบ เชื้อเหล่านี้อาจจะไปฝังตัว หลบซ่อน ตามจุดต่างๆในร่างกายได้ ไม่ว่าจะเป็นตับ หรืออวัยวะอื่นๆ (หากฆ่ามันไม่ตาย และไปที่ตับได้ ก็อาจจะเป็นฝีในตับ เป็นต้น - น่ากลัวนะคะ )


วันก่อนคุยกับแม่เรื่องอาการป่วย แม่บอกว่า อย่าปล่อยให้ท้องเสียนานๆ ยิ่งท้องเสียจาก Salmonella ทำให้เกิดลำไส้ทะลุได้ - อื๋ยย์!! ถึงว่าสิ ตอนที่ถ่ายเยอะๆ เลือดปนออกมาทุกครั้งเลย


หลังจากออกโรงพยาบาล ระบบขับถ่ายของดิฉันยังไม่สู่สภาวะปกตินัก เชื่อไหมว่า ท้องผูกไป2-3วัน ใครที่เคยท้องผูกคงรู้สึกได้ ถึงความทรมานของมัน อึดอัดเป็นที่สุด แต่กระนั้นก็ตาม ไม่ได้ใช้ยาอะไรช่วย อดทนและปล่อยให้ขับถ่ายออกมาได้เอง จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ ( อาจเป็นเพราะ อานิสงข์ของการกินเจหนึ่งวัน ..แฮ่!!) Salmonella ล็อตสุดท้ายก็คงถูกขับออกมาด้วยกระมัง - คิดเอาเองอีก มีบางคนรู้สึกขำกับประโยคนี้ (ฮ่า ฮ่า) ..จริงๆ เข้าใจผิด เพราะยายังเหลืออีกสองเม็ด ..อีกหนึ่งวันที่ยาจะครบ dose


เชื้อโรคสามารถปะปนอยู่ในอาหารการกินได้ ดังนั้นคิดสักนิดก่อนเลือกอาหาร มีคำแนะนำจากกองระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุขว่า


1-ให้ดื่มน้ำต้มสุกทุกครั้ง
2-น้ำขวดจะมีความปลอดภัยสูงกว่าน้ำดื่มทั่วไป
3-เวลาดื่มน้ำไม่ต้องใส่น้ำแข็ง
4-รับประทานอาหารที่ทำให้สุกใหม่ๆ
5-ผักหรือผลไม่ต้องล้างให้สะอาดจริงๆเพราะปนเปื้อนเชื้อได้ง่าย
6-ผลไม้ที่มีเปลือกให้ปลอกเปลือกออก
7-ล้างมือก่นรับประทานอาหารทุกครั้ง
8-หลีกเลี่ยงอาหารจากร้านค้าข้างถนน



ข้อสุดท้าย ท่าทางจะลำบากหน่อย เพราะร้านค้าในบ้านเรา อยู่ข้างถนนทั้งนั้น แต่ยังไง หากจำเป็นต้องซื้อ ก็อุ่นให้ร้อนก่อนรับประทานก็แล้วกันนะคะ
สำหรับดิฉันแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงแห่งความทรมานจริงๆ เพราะ เดินผ่านร้านส้มตำทีไร น้ำลายไหลทุกที ห้ามใจตัวเองไม่ค่อยได้หรอกค่ะ แต่มีคนยื้อยุดฉุดไว้ ไม่ให้เดินเข้าไปซื้อ



เพราะ ถ้า เกิดจู๊ด จู๊ดอีก เดี๋ยวจะลำบากทั้งตัวเองแล้วก็คนดูแล ..นะคะ


( ภาพ : Rose โดย Poch Romeu )

Wednesday, October 03, 2007

..เที่ยงวันอาทิตย์..







โพสต์เองยังรู้สึกน้ำลายไหลเอง อิอิ